“นิวัฒน์ธำรง” เผยรัฐบาลเตรียมทยอยจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวนาตั้งแต่ 17 ก.พ.นี้ หลังหาเงินมาได้หลายหมื่นล้านบาท แต่จะใช้วิธีใครจำนำก่อนได้ก่อน โดย ธ.ก.ส.จะจ่ายได้ประมาณวันละ 4 พันล้านบาท ส่วนการขายข้าวในสต๊อกช่วง 12-13 ก.พ.ที่ผ่านมาโละได้กว่า 6 แสนตัน ได้เงิน 7 พันล้าน ชาวนาไม่ไว้ใจรัฐ เหตุหลอกมาแล้วหลายครั้ง ยันเป็นแค่เกมที่หวังให้ชาวนากลับบ้าน ลั่นไม่กลับจนกว่าจะได้เงินครบทุกคน ด้าน “ยรรยง” แรงได้อีก ยันนายกฯ ไม่คุยกับคนที่ไม่ใช่ชาวนาตัวจริง
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.เป็นต้นไปธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเริ่มทยอยจ่ายเงินที่รัฐค้างจ่ายค่าข้าวให้ชาวนาที่นำข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2556/57 (รอบแรก) ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้รัฐมีเงินอยู่หลายหมื่นล้านบาทที่จะจ่ายให้ชาวนาได้ ซึ่งมาจากหลายแหล่ง เช่น เงินกู้จากสถาบันการเงิน เงินจากการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาล โดยชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงินมั่นใจได้ว่ารัฐจะจ่ายให้แน่นอน
“ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศจะจ่ายผ่านบัญชีของชาวนาที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. ใครเอาข้าวมาจำนำก่อนก็จะได้เงินก่อน ซึ่ง ธ.ก.ส. สามารถจ่ายเงินได้วันละประมาณ 4,000 ล้านบาท ขอให้ไม่ต้องเข้ามาเดินขบวนประท้วงที่กรุงเทพฯ เสียเวลาทำมาหากิน ขอให้รอรับเงินที่จะโอนเข้าบัญชีอยู่ที่บ้านได้เลย”
สำหรับการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/55 และ 2555/56 ปริมาณ 460,000 ตัน เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา และเปิดซองเสนอราคาเมื่อวันที่ 13 ก.พ.นั้น ล่าสุดได้รับรายงานจากกรมการค้าต่างประเทศว่าน่าจะขายได้ทั้งหมด 460,000 ตัน รวมกับการขายให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมาขอซื้อโดยตรงอีกเกือบ 200,000 ตัน รวมเป็นขายได้กว่า 600,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับการเปิดขายผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) เมื่อวันที่ 13 ก.พ. อีกราว 220,000 ตัน คาดว่าการขายทั้งหมดจะประกาศผลได้อย่างเป็นทางการวันที่ 17 ก.พ.นี้
นายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า ชาวนาที่มารวมตัวประท้วงที่กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่กลับบ้านจนกว่าจะได้รับความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะจ่ายเงินให้ชาวนาทุกคนครบทั้งหมดภายในระยะเวลาเท่าไร เช่น 1 เดือน แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้แจ้งข่าวนี้ให้ชาวนาทราบโดยตรง มีแต่พูดคุยกับสื่อเท่านั้น ทำไมไม่แจ้งชาวนาโดยตรง เพราะชาวนาเป็นผู้เดือดร้อน และต้องการคำตอบจากรัฐบาล ไม่ใช่สื่อมวลชน ถ้าแจ้งชาวนาโดยตรงเดี๋ยวสื่อมวลชนก็จะทราบข่าวเอง
“รัฐบาลไม่เคยบอกอะไรชาวนาเลย ทั้งที่เราเป็นคนเดือดร้อน และรอฟังคำตอบจากรัฐบาลมาโดยตลอด แต่รัฐกลับไม่สนใจเรา การปล่อยข่าวว่าจะจ่ายเงินวันที่ 17 ก.พ.นี้ เราไม่เชื่อ เราไม่ไว้ใจรัฐแล้ว ที่ผ่านมารัฐพูดกำกวม และหลอกลวงเรามาโดยตลอดว่าจะเริ่มจ่ายวันนั้น วันนี้ แต่ก็ไม่เคยได้เลย ที่รัฐให้ข่าวจะเริ่มจ่ายเงินก้อนนี้ น่าจะต้องการเบรกเกมของชาวนา ปล่อยข่าวลวงให้เรากลับไปรอที่บ้าน กว่าเราจะรวมตัวกันก็ยาก เหมือนเป็นการซื้อเวลาของรัฐบาล เป็นวิชามารของรัฐบาล”
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลบอกว่าจะเริ่มทยอยจ่ายตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. ชาวนามองว่าอีกหลายเดือนกว่าจะครบ 120,000 ล้านบาทที่ค้างจ่ายกับเรา บอกว่ามีเงินหลายหมื่นล้านบาท อยากให้บอกว่ามีเท่าไร ถ้ามีเงินเพียงแค่นั้นจ่ายไม่กี่วันก็หมดแล้ว ชาวนาก็ยังไม่ได้ครบอยู่ดี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีสาขาทั่วประเทศเกือบ 2,000 แห่ง ถ้ารัฐจะจ่ายเงินให้หมดภายใน 1 เดือน รัฐต้องจัดสรรเงินให้ ธ.ก.ส.สาขาละเกือบ 100 ล้านบาท แต่นี่รัฐมีเป็นแค่หลักหมื่นล้าน เช่น 20,000 ล้านบาท กระจายไปสาขาละ 10 ล้านบาท จะจ่ายให้ชาวนาได้กี่คน
ด้านนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มชาวนาทั่วประเทศจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาสมทบกับกลุ่มที่ปักหลักที่กระทรวงพาณิชย์เพื่อพบนายกรัฐมนตรี ว่า ถ้าชาวนาต้องการพบนายกฯ อยากให้เป็นชาวนาที่แท้จริง ไม่ใช่มีแกนนำที่เป็นตัวแทนของการเมืองท้องถิ่น อย่างนายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย และนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ตัวแทนชาวนาภาคเหนือ เพราะจากการสืบค้นประวัติพบว่านายระวีเคยเป็นเจ้าหน้าที่ปกครอง จ.เพชรบุรี และถูกดำเนินคดีการรับสมัคร อส.จนถูกผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้ออกจากราชการ จากนั้นสมัครเป็นนายก อบต. 2 สมัย ปัจจุบันถูกร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ และไม่ได้เป็นชาวนาตัวจริง ส่วนนายกิตติศักดิ์เป็นสมาชิก อบต.จ.พิจิตร แต่ครอบครัวอยู่ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร มีที่นา 8 ไร่ แต่ไม่ค่อยได้ทำนา และเคยขึ้นเวที กปปส.ที่ จ.พิจิตรมาตั้งแต่แรก ดังนั้นทั้งสองคนนี้จึงไม่ใช่ตัวแทนชาวนาที่แท้จริง หากชาวนาต้องการคุยกับนายกฯ ขอให้รวมกลุ่มมากับตัวแทนชาวนาที่แท้จริง อย่างสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ที่มีนายวิเชียร พวงลำเจียก เป็นนายกสมาคมฯ จะดีกว่า