ส่งออกเดือน ธ.ค.ทำได้แค่ 1.84 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 1.87% แต่รวมยอดทั้งปี 56 กลับมาติดลบอีกครั้งในรอบ 4 ปี ลดลง 0.31% ขาดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.21 หมื่นล้านเหรียญ ส่วนปี 57 ยังคงเป้า 5% หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือน ธ.ค. 2556 มีมูลค่า 1.84 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.87% การนำเข้ามีมูลค่า 1.87 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.90% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 285 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อรวมยอดการส่งออกทั้งปี 2556 (ม.ค.-ธ.ค.) มีมูลค่า 2.28 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.31% เป็นการกลับมาติดลบในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ที่การส่งออกติดลบ 14.26% ขณะที่การนำเข้าทั้งปีมีมูลค่า 2.50 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.29% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าปี 2556 มูลค่า 2.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สาเหตุที่ทำให้การส่งออกปี 2556 ขยายตัวไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ 1% เพราะตลอดช่วงปี 2556 ที่ผ่านมามีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ตั้งแต่ค่าเงินบาทแข็งค่าในช่วงต้นปี รวมทั้งเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว ทำให้เศรษฐกิจของตลาดคู่ค้าสำคัญชะลอตัว ส่งผลต่อปริมาณการสั่งซื้อสินค้า ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการส่งออกสินค้าบางรายการที่ลดลง เช่น ข้าว ยางพารา น้ำตาลทราย และกุ้ง เป็นต้น
นางศรีรัตน์กล่าวว่า เป้าหมายการส่งออกในปี 2557 กระทรวงฯ ยังคงคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ในระดับ 5% ซึ่งเป็นการประเมินจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวระดับ 3.7% แต่หากเศรษฐกิจโลกขยายตัวได้มากกว่านี้ และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าขยายตัวดีขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้อาจทำให้การส่งออกไทยขยายตัวได้เป็นตัวเลขสองหลัก แต่หากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายจนทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การส่งออกไทยก็จะต่ำกว่าระดับ 5% แต่ไม่ถึงกับติดลบ
“การส่งออกในปี 2557 ให้น้ำหนักปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อการส่งออกของไทยเท่ากัน คือ 50 ต่อ 50 โดยขณะนี้ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลกดีขึ้นแล้ว แต่การเมืองภายในประเทศยังไม่ดี ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในส่วนของกระทรวงฯ ยังคงยืนยันเป้าหมายไว้ก่อน โดยเชื่อว่าไตรมาสแรกการส่งออกจะยังเป็นบวก แต่ไตรมาสสองก็ต้องมีการประเมินสถานการณ์ รวมทั้งการทบทวนตัวเลขการส่งออก”
สำหรับสินค้าไทยในปี 2557 ที่คาดว่าจะส่งออกขยายตัวได้ดีขึ้น เช่น กลุ่มยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็ก พลังงาน เคมีภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ อาหารทะเล ส่วนสินค้าที่คาดว่าส่งออกยังคงชะลอตัว เช่น ยาง อัญมณี เม็ดพลาสติก เป็นต้น โดยมองว่าการส่งออกในกลุ่มสินค้าเกษตรจะกลับมาปรับตัวดีขึ้นด้วย เพราะราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปริมาณต้องการที่มีมากขึ้น รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยประเมินว่าค่าเงินบาทในปี 2557 จะอยู่ที่ 29-34 บาท/เหรียญสหรัฐ
