“พาณิชย์” ยังมั่นใจส่งออกปีนี้โต 5% ตามเป้า คาดไตรมาสแรกยังทำได้ดี แต่ไตรมาส 2 น่าห่วงหลังปัจจัยลบเริ่มมีผล ทั้งวัตถุดิบเพิ่ม การเมืองป่วน ยันไม่เลื่อนงานแฟร์ เหตุเป็นงานระดับโลก พร้อมจี้ทูตพาณิชย์เร่งทำความเข้าใจลูกค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และซื้อสินค้าไทยต่อไป
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ยังมั่นใจว่าการส่งออกในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5% โดยในช่วงไตรมาสแรกการส่งออกน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมียอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เดิมที่ค้างมาจากปีที่แล้ว ส่วนไตรมาส 2 คงต้องรอดูผลจากไตรมาสแรกก่อนจึงจะสามารถประเมินได้เพราะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น และสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้ลูกค้าเริ่มชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากไทย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ทั่วโลกชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และไปสร้างความมั่นใจต่อผู้นำเข้าในการทำการค้ากับไทย รวมทั้งให้คงกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกที่ดำเนินการอยู่ในตลาดต่างๆ ต่อไป และให้ทำให้เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะจะต้องมีการเข้าถึงลูกค้าเพื่อให้ทราบว่าเขามีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้างในการทำการค้ากับไทย และต้องการให้ไทยช่วยแก้ไขอะไร
สำหรับการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศที่จะจัดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก เช่น งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ งานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ยังมีนโยบายให้เดินหน้าจัดงานต่อไปไม่มีการเลื่อนหรือยกเลิกการจัดงาน เพราะเป็นการจัดงานระดับโลก หากมีการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อไทยได้ แต่ยอมรับว่าการจัดงานอาจทำได้ด้อยลง และยอดขายสินค้าลดลง
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ปรับยุทธศาสตร์ส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง โดยกำชับให้ทูตพาณิชย์ 65 แห่งทั่วโลกเร่งทำแผนงานการค้าเชิงรุก เน้นติดต่อกับผู้ซื้อต้นทางในแต่ละประเทศโดยตรงเพื่อตัดวงจรพ่อค้าคนกลางออกไป เช่น การออกไปเยี่ยมเยียนผู้ซื้อตัวจริง การหารือผู้นำเข้ารายใหญ่เพื่อรับรู้ถึงความต้องการสินค้า พร้อมกับแนะนำผู้ส่งออกไทยที่ส่งออกสินค้าคุณภาพไปเจรจากับผู้นำเข้าโดยตรง
โดยในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้กรมฯ มีแผนนำคณะผู้แทนการค้า 7 กลุ่มสินค้าเป้าหมายไปเจรจาเปิดตลาดการค้าในตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า, ยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, วัสดุก่อสร้าง, เกษตรและอาหาร, อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องนุ่งห่ม ผ้าผืนและเส้นด้าย และเครื่องหนัง, ไลฟ์สไตล์, ลอจิสติกส์ทางการค้า สุขภาพและความงาม