xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เปิดประมูลข้าวในเอเฟตอีก 22 ม.ค.นี้ เร่งหาเงินคืนคลังหลังขายจีทูจีแท้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” สำรวจข้าวในสต๊อกก่อนเปิดประมูลในตลาดเอเฟต 22 ม.ค.นี้อีก 1.48 แสนตัน เชื่อได้ราคาดี เพราะเป็นข้าวใหม่ และยังเพิ่มสิ่งจูงใจ ผู้ประมูลไม่ต้องวางค้ำประกัน ยันเดินหน้าระบายข้าวต่อ เน้นผ่านเอเฟตและให้เอกชนที่มีคำสั่งซื้อยื่นซื้อได้โดยตรงหลังขายจีทูจีแท้ง หวังหาเงินคืนคลังจ่ายจำนำข้าว ยันล่าสุดรัฐเตรียม 5 หมื่นล้านจ่ายเกษตรกรแล้ว พร้อมรอลุ้น กกต.ไฟเขียว กู้เพิ่ม 1.3 แสนล้าน จ่ายส่วนที่เหลือ

นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่จะเปิดประมูลผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) ของบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ที่ จ.สระบุรี ว่า กระทรวงพาณิชย์ จะเปิดประมูลข้าวสารในเอเฟตวันที่ 22 ม.ค.นี้ ปริมาณ 1.48 แสนตัน ซึ่งเลื่อนจากกำหนดการเดิมวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาเพราะความไม่สงบทางการเมือง โดยการประมูลครั้งนี้จะนำข้าวสารจากโครงการจำนำข้าวเปลือกปี 2556/57 และปี 2555/56 มาเปิดประมูล เป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 1.10 แสนตัน และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 3.84 หมื่นตัน

“ประเมินไว้ว่าจะมีการเสนอราคาส่วนต่างดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะข้าวที่เปิดประมูลเป็นข้าวใหม่ เป็นที่ต้องการของภาคเอกชน รวมถึงรัฐบาลยังได้ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ โดยเอกชนไม่ต้องวางเงินค้ำประกัน จากเดิมที่ต้องวางค้ำประกัน ทำให้เอกชนไม่ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น และการประมูลครั้งนี้จะให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เข้าร่วมประมูลแข่งขันกับเอกชน ซึ่งน่าจะทำให้ได้ราคาดีขึ้นกว่าการประมูลครั้งก่อน”

ส่วนการชะลอการระบายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ปริมาณ 1 ล้านตันให้แก่รัฐบาลจีนนั้น กระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายข้าวรัฐผ่านวิธีการอื่นทดแทน เพื่อให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งในรูปของการประมูลผ่านเอเฟต และให้ภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเสนอซื้อข้าวจากรัฐได้โดยตรง ซึ่งยังสามารถดำเนินการได้ ไม่ติดขัดด้านกฎหมาย และยังระบายออกจากสต๊อกได้เร็วกว่าการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป ที่แม้จะยังสามารถดำเนินการได้ แต่กระทรวงพาณิชย์คงไม่เลือกเปิดประมูลทั่วไป เพราะจะได้เงินช้ากว่าการให้เอกชนเสนอซื้อเข้ามาโดยตรง ส่วนข้าวจีทูจีสัญญาเก่าจะเร่งรัดให้ผู้ซื้อมารับมอบโดยเร็วเพื่อส่งเงินคืนกระทรวงการคลังได้ตามแผน

นายยรรยงกล่าวว่า กรณีที่มีชาวนาจากหลายจังหวัดรวมตัวประท้วงรัฐบาล เพราะยังไม่ได้รับเงินจากการจำนำข้าวเปลือกปี 2556/57 (รอบแรก) ที่เริ่มจำนำตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2556 และจะสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.พ. 2557 นั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังได้เตรียมเงิน 5 หมื่นล้านบาทมาจ่ายให้ชาวนาแล้ว ซึ่งเป็นเงินที่เหลือจากเงินรับจำนำข้าวปี 2554/55 และปี 2555/56 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติกรอบไว้ 5 แสนล้านบาท โดยขณะนี้มีชาวนาหลายจังหวัดได้รับไปแล้ว แต่จะสามารถจ่ายให้ชาวนาได้ทั้งหมดหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่มอีก 1.3 แสนล้านบาทได้หรือไม่

“ตอนนี้กระทรวงการคลังพร้อมให้ข้อมูลกับ กกต.อยู่แล้วว่าจำเป็นต้องใช้เงินอีก 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ ครม.ได้อนุมัติไว้เดิม ไม่ได้เป็นการอนุมัติให้กู้ใหม่ อีกทั้งเงินในโครงการรับจำนำข้าวรัฐต้องกู้ยืมอยู่แล้ว คาดว่า กกต.น่าจะอนุมัติให้ได้ และน่าจะอนุมัติให้ทันวันที่ 25 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นเส้นตายการจ่ายเงินให้ชาวนา”

สำหรับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลความผิดกรณีการขายข้าวจีทูจีให้แก่จีนไม่มีจริงนั้น ยืนยันว่าข้าวจีทูจีที่ขายให้จีนมีจริงแน่นอน ไม่อยากให้ ป.ป.ช.เอาหลักฐานข้อมูลของฝ่ายเดียวมาพิจารณา เพราะมีทั้งที่เป็นจริงและไม่จริง ป.ป.ช.ต้องสอบถามจากรัฐบาลจีนด้วย ซึ่งจะได้รับคำตอบที่ดีกว่า

นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า การประมูลข้าวรัฐในเอเฟตรอบนี้น่าจะมีเอกชนเข้าร่วมประมูลไม่ต่ำกว่า 15 ราย เพราะเป็นการนำข้าวใหม่มาเปิดขาย และรัฐบาลรับประกันในคุณภาพ ดังนั้นราคาน่าจะได้ดี เชื่อว่าจะมีการเสนอราคาส่วนต่างต่ำกว่าลบ 1 บาท/กก. จากครั้งก่อนที่เสนอส่วนต่างราคาตั้งแต่ลบ 1 บาท ถึงลบ 2.50 บาท ซึ่งตนจะเข้าร่วมประมูลด้วย และจะนำข้าวไปส่งออก และขายในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น