เผย“พาณิชย์” ลงนามสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีให้จีน 1.2 ล้านตันแล้ว เป็นสัญญาที่ 3 ที่ขายให้จีนในปีนี้ ปริมาณรวมกว่า 3 ล้านตัน ในราคาขาดทุน 50% จากราคารับจำนำ จับตาเปิดประมูลขายข้าวรัฐในเอเฟต 1.31 แสนตัน 25 พ.ย.นี้
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นสักขีพยานพิธีลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน วันที่ 20 พ.ย.ว่า กระทรวงพาณิชย์โดยอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับบริษัท Beijing Great Northern Wilderness Rice Industry สังกัดบริษัท เป่ยต้าฮวง กรุ๊ป ของกรมการเกษตร มณฑลเฮยหลงเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบด้วยการลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวขาว 5% และปลายข้าว รวม 1.2 ล้านตัน และมันสำปะหลังเส้น 9 หมื่นตัน โดยราคาที่ซื้อขายอิงตามราคาในตลาดโลก และมีกำหนดส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี โดยล็อตแรกจะส่งมอบได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้
สำหรับการลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวให้จีน เป็นผลสืบเนื่องจากการเดินทางไปเจรจาขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทย และกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และถือเป็นสัญญาซื้อขายข้าวระหว่าง 2 ประเทศ สัญญาที่ 3 ของปีนี้ โดยสัญญาแรกเป็นสัญญาซื้อขายข้าวไทย 1 ล้านตันในระยะเวลา 1 ปี ระหว่างสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกับ COFCO รัฐวิสาหกิจของจีนที่ค้าขายสินค้าเกษตร ส่วนสัญญาที่ 2 เป็นสัญญาซื้อข้าวไทยแบบจีทูจี 1 ล้านตัน ระยะเวลา 5 ปี ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ กับ COFCO ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางมาเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าการขายข้าวให้จีนครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลมีผลขาดทุนจำนวนมาก เพราะ ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของเไทยเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 430-440 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ต้นทุนการรับจำนำข้าวเปลือกอยู่ตันละ 15,000 บาท เมื่อคิดเป็นราคาส่งออกจะอยู่ที่ราวตันละ 800 เหรียญสหรัฐจึงน่าจะทำให้รัฐบาลขาดทุนตันละ 360-370 เหรียญสหรัฐ หรือ ตันละกว่า 50% ของราคารับจำนำ
"แม้จะมีผลขาดทุนเมื่อเทียบกับราคาจำนำ แต่รัฐบาลไม่ใช่พ่อค้าที่ซื้อมาขายไปเพื่อเอากำไร รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกร จึงยืนยันว่า ทุกรัฐบาล และ ทุกปีมีเงินเตรียมไว้เพื่อช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวอยู่แล้วประมาณ 80,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลนี้่อาจใช้มากหน่อย" นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า จะเปิดระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลจำนวน 1.31 แสนตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 1.14 แสนตัน และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 1.74 หมื่นตัน ผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) โดยเปิดให้ผู้สนใจเสนอราคาส่วนต่าง (ค่าเบสิก) ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่งการระบายข้าวผ่านตลาดเอเฟตรอบนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลไม่ต่ำกว่า 10 ราย มากกว่าการประมูลรอบแรกที่มีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 5 ราย
“เชื่อว่าการประมูลรอบสองน่าจะมีผู้สนใจมากกว่ารอบแรก ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวใหม่เริ่มทยอยออกมา ทำให้ภาคเอกชนรอดูจังหวะ แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าผลผลิตข้าวในตลาดโลกไม่ได้มากอย่างที่คิด เวียดนามผลผลิตน้อย แทบไม่ได้ส่งออก ฟิลิปปินส์ก็ประสบภัยพิบัติ ทำให้มีความต้องการนำเข้าข้าว ส่วนผลผลิตข้าวของไทยฤดูกาล 2556/57 คาดว่าจะลดลงประมาณ 3 ล้านตัน ทำให้ราคาข้าวในปีนี้ไม่น่าจะต่ำกว่าปีที่แล้ว”
