“อิออนกรุ๊ป” ยกแบรนด์ดัง “มอลลี่แฟนตาซีแอนด์คิดส์ซูน่า” บุกตลาดสวนสนุกในร่มในไทย ลั่น 7 ปีจากนี้ผุดครบ 200 สาขาด้วยงบรวม 5,000 ล้านบาท เล็งใช้ไทยเป็นฐานบุกต่อที่เวียดนาม
นายฮิโรทากะ ฟุคุโมริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน แฟนตาซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มอิออนกรุ๊ป ญี่ปุ่น มีความสนใจในการขยายธุรกิจสวนสนุกพัฒนาการเด็กแบรนด์มอลลี่ แฟนตาซี และคิดส์ซูนา ในประเทศไทย จึงได้จัดตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว เพราะมองเห็นแนวโน้มของธุรกิจนี้ที่น่าจะมีการเติบโตและยังมีช่องว่างและมีโอกาสในไทยอีกมาก
ปัจจุบันเปิดบริการในไทยไปแล้วจำนวน 4 สาขา คือ 1. เกตเวย์เอกมัย พื้นที่ 700 ตารางเมตร ลงทุน 60 ล้านบาท เปิดเมื่อพฤศจิกายนปี 2555 2. เมกะบางนา พื้นที่ 1,200 ตารางเมตร ลงทุน 40 ล้านบาท 3. เดอะมอลล์บางแค พื้นที่ 1,400 ตารางเมตร ลงทุน 40 ล้านบาท 4. พาราไดซ์พาร์ค พิ้นที่ 1,200 ตารางเมตร ลงทุน 40 ล้านบาท เพิ่งเปิดเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม แผนงานระยะยาวภายในอีก 7 ปี คือปี 2563 จะขยายสาขาในไทยให้ครบ 200 สาขา ด้วยงบประมาณรวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท หรือลงทุนเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อปี โดยช่วงแรกเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ส่วนปีหน้าจะเริ่มออกต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต ระยอง เชียงใหม่ ชลบุรี ซึ่งถ้าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ 800-1,000 ตารางเมตร ประมาณ 30 ล้านบาท และขนาดพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตร ลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท
โดยทำเลนั้นจะเน้นเปิดในศูนย์การค้าเป็นหลัก โดยมีสองแบรนด์ คือ มอลลี่แฟนตาซีสำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี ส่วนแบรนด์คิดส์ซูน่าสำหรับเด็กอายุ 3-8 ขวบ โดยจะเปิดควบคู่กันไป แต่หากทำเลใดได้พื้นที่มาใหม่มากพอก็อาจจะเปิดเพียงแบรนด์เดียวก็ได้ ทั้งนี้ ค่าเข้าใช้บริการ เด็กความสูงต่ำกว่า 105 เซนติเมตร วันธรรมดา 180 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 300 บาท ส่วนความสูงเกิน 105 เซนติเมตร วันธรรมดา 220 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 360 บาท
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ประมาณ 25 ล้านบาทโดยเฉลี่ยต่อสาขาต่อปี ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดให้ครบ 200 สาขาในไทย อีก 7 ปีจะมีรายได้รวมประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท หรือคืนทุนประมาณ 4 ปีต่อสาขา
ธุรกิจสวนสนุกแบบอิออนนี้คาดว่าจะประสบความสำเร็จในไทยที่เป็นตลาดต่างประเทศนอกญี่ปุ่น่ลำดับที่ 3 เช่นเดียวกับในญี่ปุ่นและต่างประเทศที่อิออนกรุ๊ปลงทุนเองทั้งหมด มีเพียแห่งเดียวที่ฮ่องกงเป็นการขายไลเซนส์ซึ่งมี 3 สาขาแล้ว แต่ดูแลโดยอิออนฮ่องกง
ปัจจุบันที่ญี่ปุ่นมี 324 สาขา เป็นผู้นำในสวนสนุกในร่มของญี่ปุ่น และที่มาเลเซียมี 42 สาขา ส่วนที่จีนมี 33 สาขา และไทย 4 สาขา โดยมียอดรายได้รวมประมาณ 14,000 ล้านบาท และมีกำไรประมาณ 1,134 ล้านบาท และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ญี่ปุ่นด้วย และในปีนหน้าอิออนกรุ๊ปมีแผนที่จะขยายธุรกิจสวนสนุกรูปแบบนี้ไปประเทศเวียดนามด้วย
นายฮิโรทากะ ฟุคุโมริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน แฟนตาซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มอิออนกรุ๊ป ญี่ปุ่น มีความสนใจในการขยายธุรกิจสวนสนุกพัฒนาการเด็กแบรนด์มอลลี่ แฟนตาซี และคิดส์ซูนา ในประเทศไทย จึงได้จัดตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว เพราะมองเห็นแนวโน้มของธุรกิจนี้ที่น่าจะมีการเติบโตและยังมีช่องว่างและมีโอกาสในไทยอีกมาก
ปัจจุบันเปิดบริการในไทยไปแล้วจำนวน 4 สาขา คือ 1. เกตเวย์เอกมัย พื้นที่ 700 ตารางเมตร ลงทุน 60 ล้านบาท เปิดเมื่อพฤศจิกายนปี 2555 2. เมกะบางนา พื้นที่ 1,200 ตารางเมตร ลงทุน 40 ล้านบาท 3. เดอะมอลล์บางแค พื้นที่ 1,400 ตารางเมตร ลงทุน 40 ล้านบาท 4. พาราไดซ์พาร์ค พิ้นที่ 1,200 ตารางเมตร ลงทุน 40 ล้านบาท เพิ่งเปิดเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม แผนงานระยะยาวภายในอีก 7 ปี คือปี 2563 จะขยายสาขาในไทยให้ครบ 200 สาขา ด้วยงบประมาณรวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท หรือลงทุนเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อปี โดยช่วงแรกเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ส่วนปีหน้าจะเริ่มออกต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต ระยอง เชียงใหม่ ชลบุรี ซึ่งถ้าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ 800-1,000 ตารางเมตร ประมาณ 30 ล้านบาท และขนาดพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตร ลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท
โดยทำเลนั้นจะเน้นเปิดในศูนย์การค้าเป็นหลัก โดยมีสองแบรนด์ คือ มอลลี่แฟนตาซีสำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี ส่วนแบรนด์คิดส์ซูน่าสำหรับเด็กอายุ 3-8 ขวบ โดยจะเปิดควบคู่กันไป แต่หากทำเลใดได้พื้นที่มาใหม่มากพอก็อาจจะเปิดเพียงแบรนด์เดียวก็ได้ ทั้งนี้ ค่าเข้าใช้บริการ เด็กความสูงต่ำกว่า 105 เซนติเมตร วันธรรมดา 180 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 300 บาท ส่วนความสูงเกิน 105 เซนติเมตร วันธรรมดา 220 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 360 บาท
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ประมาณ 25 ล้านบาทโดยเฉลี่ยต่อสาขาต่อปี ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดให้ครบ 200 สาขาในไทย อีก 7 ปีจะมีรายได้รวมประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท หรือคืนทุนประมาณ 4 ปีต่อสาขา
ธุรกิจสวนสนุกแบบอิออนนี้คาดว่าจะประสบความสำเร็จในไทยที่เป็นตลาดต่างประเทศนอกญี่ปุ่น่ลำดับที่ 3 เช่นเดียวกับในญี่ปุ่นและต่างประเทศที่อิออนกรุ๊ปลงทุนเองทั้งหมด มีเพียแห่งเดียวที่ฮ่องกงเป็นการขายไลเซนส์ซึ่งมี 3 สาขาแล้ว แต่ดูแลโดยอิออนฮ่องกง
ปัจจุบันที่ญี่ปุ่นมี 324 สาขา เป็นผู้นำในสวนสนุกในร่มของญี่ปุ่น และที่มาเลเซียมี 42 สาขา ส่วนที่จีนมี 33 สาขา และไทย 4 สาขา โดยมียอดรายได้รวมประมาณ 14,000 ล้านบาท และมีกำไรประมาณ 1,134 ล้านบาท และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่ญี่ปุ่นด้วย และในปีนหน้าอิออนกรุ๊ปมีแผนที่จะขยายธุรกิจสวนสนุกรูปแบบนี้ไปประเทศเวียดนามด้วย
