ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นฯ ตั้งเป้ายอดขายปีหน้า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 11% หลังจากปีนี้ยอดขายพลาดเป้า 300-400 ล้านเหรียญสหรัฐ จากโรคระบาดในกุ้งและราคาปลาทูน่าผันผวน อัดงบลงทุนปีหน้า 3.5 พันล้านบาท โดยชะลอสร้างโรงงานแปรรูปกุ้งไปก่อนและยังไม่มีแผนซื้อกิจการในช่วงนี้
นายวาย ยัท ปาโก้ ลี รองผู้จัดการทั่วไป นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11% จากปีนี้ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 3.6-3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังประเมินปัจจัยเสี่ยงจากโรคระบาดในกุ้ง (EMS) ในปีหน้าจะดีขึ้น ทำให้ปริมาณการผลิตกุ้งในไทยเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนตันจากปีนี้ที่ผลิตกุ้งได้เพียง 2.5 แสนตัน ลดลงจากปี 2555 ถึง 50%
“ในปีนี้ยอดขายของบริษัทฯ น่าจะอยู่ที่ 3.6-3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาผันผวนของปลาทูน่า และโรคระบาดในกุ้ง รวมทั้งธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ก็ยังขาดทุนอยู่ ทำให้กำไรสุทธิปีนี้ลดลงกว่าปีก่อน”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 แม้ว่ายอดขายในปีนี้จะพลาดเป้า แต่เชื่อว่าหลังจากนี้สถานการณ์ผลผลิตกุ้งในไทยจะคลี่คลายดีขึ้น ส่วนจะกลับมาผลิตได้ครบ 5-6 แสนตัน/ปีคงต้องใช้เวลา
สำหรับงบการลงทุนในปี 2557 บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักรประมาณ 3.5 พันล้านบาท ลดลงจากปีนี้ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาทลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 6 พันล้านบาท โดยบริษัทฯ ไม่มีแผนควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) จนกว่าภาพรวมของตลาดจะดีขึ้นจึงจะค่อยพิจารณา
ส่วนการตั้งโรงงานแปรรูปกุ้งใหม่นั้นคงต้องเลื่อนไปก่อน เนื่องจากบริษัทหันไปใช้กำลังการผลิตของบริษัทแพคฟู้ดส์ ที่บริษัทถือหุ้นใหญ่ 75% ยังมีเพียงพออยู่ และปริมาณกุ้งที่ผลิตได้ยังมีไม่มากจึงยังไม่มีความจำเป็นต้องตั้งโรงงานใหม่
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในปีหน้ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นนั้นมีผลต่อตลาดหุ้นโดยรวม แต่ในแง่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคงต้องใช้เวลา 4-5 ปีจึงจะค่อยดีขึ้นเหมือนกับช่วงที่ไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งก็ต้องใช้เวลานานกว่าที่ความเชื่อมั่นจะกลับคืนมา ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะยังไม่ส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในระยะสั้นเพราะทียูเอฟทำประกันความเสี่ยง (เฮดจิ้ง) ไว้ แต่จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในระยะยาว และช่วยด้านการส่งออกสินค้า
