ASTVผู้จัดการรายวัน - พีทีจีฯ หดเป้าปริมาณขายน้ำมันปีนี้โตลดลงเหลือ 20% อยู่ที่ 1.6 พันล้านลิตร จากเดิมตั้งเป้าโต 40% หรือ 1.9 พันล้านลิตร หลังยอดขายผ่านจ็อบเบอร์หด ยันนับจากนี้จะลดการขายน้ำมันผ่านจ็อบเบอร์เหตุมาร์จิ้นต่ำมาก แต่เน้นขายผ่านปั๊มโดยปี 57 เห็นปั๊มพีทีเพิ่มขึ้นแตะ 1 พันแห่ง ส่งผลให้ปริมาณขายน้ำมันปีหน้าโต 40%
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ปรับเป้าปริมาณการขายน้ำมันโตลดลงจากเดิมที่ตั้งไว้ 1,900 ล้านลิตรลงเหลือเพียง 1,600 ล้านลิตร หรือคิดเป็นอัตราการโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้โตถึง 40% เนื่องจากปริมาณการขายในกลุ่มค้าส่งหรือจ็อบเบอร์ลดลงจากเดิมที่เคยขายถึง 500 ล้านลิตร/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 34%ของปริมาณการขายน้ำมันทั้งหมด คาดว่าปีนี้สัดส่วนการขายน้ำมันผ่านจ็อบเบอร์จะลดลงไปกว่า 10% เหลือเพียง 20% ขณะที่ยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นับจากนี้ไปบริษัทฯ จะให้ความสำคัญในการขายน้ำมันผ่านจ็อบเบอร์ลดลง เนื่องจากมาร์จิ้นจากการขายต่ำกว่าการขายน้ำมันผ่านปั๊มมาก ในอนาคตจะลดสัดส่วนปริมาณการขายน้ำมันผ่านจ็อบเบอร์ให้เหลือ 0% เพื่อไม่ให้ยอดขายน้ำมันและกำไรสุทธิของบริษัทฯ ผันผวนจากปริมาณการขายน้ำมันผ่านกลุ่มค้าส่งที่ไม่แน่นอน
“ในปีนี้ยอดขายน้ำมันต่อปั๊มเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.75 แสนลิตร/เดือน ดีขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 1.55 แสนลิตร/เดือน/ปั๊ม ปีหน้ายอดขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.95-2 แสนลิตร/เดือน/ปั๊ม เนื่องจากมียอดการใช้บัตรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ค่าการตลาดปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.50 บาท/ลิตร”
นายพิทักษ์กล่าวต่อไปว่า ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายปริมารการขายน้ำมันเติบโตขึ้น 40% จากปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายปั๊มน้ำมันพีทีเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าปีหน้ามีปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 200 แห่ง ทำให้จำนวนปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นแตะ 1 พันแห่ง จากปัจจุบันมีปั๊มน้ำมันอยู่กว่า 700 แห่งทั่วประเทศ เน้นเปิดปั๊มน้ำมันที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของและบริหารเอง (COCO) โดยสัดส่วนจำนวนปั๊มที่เป็น COCO จะเพิ่มขึ้นเป็น 80% และปั๊มน้ำมันที่เป็นของดีลเลอร์ (DODO) 20% จากปีนี้สัดส่วนปั๊ม COCO 75% และ DODO 25% ในอนาคตอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงกว่า 4.52%
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการขยายร้านสะดวกซื้อ “แมกซ์มาร์ท” และร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มขึ้นในปีหน้าอีก 20 สาขา เงินลงทุน 3 ล้านบาท/ร้าน และบริษัทฯ ยังศึกษาที่จะเปิดคลังน้ำมันใหม่เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 8 คลังที่มีความจุน้ำมันรวม 193 ล้านลิตร รองรับปริมาณน้ำมันหมุนเวียนเพื่อการจำหน่ายผ่านคลังน้ำมันทั้งหมดสูงสุดถึง 571 ล้านลิตร/เดือน โดยปลายปีนี้จะมีความชัดเจนการเปิดคลังน้ำมันที่นครสวรรค์ และปีหน้าอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกทำคลังน้ำมันที่สุรินทร์ หรือศรีสะเกษ เพื่อช่วยด้านลอจิสติกส์รองรับการขยายปั๊มน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 3.68 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.63% และมีกำไรสุทธิ 285 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.17%