xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็มบีเค กรุ๊ป” แตกไลน์ร้านอาหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปัญหาจำนำข้าวทำข้างถุงกำไรหด "เอ็มบีเค กรุ๊ป" เบี่ยงเข็มแตกไลน์สู่ธุรกิจร้านอาหารทดแทน พร้อมรุกด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ด้วยงบลงทุนกว่า1,000 ล้านบาทที่จะใช้ในปีหน้า มั่นใจปี 57เติบโต 5-7% เท่าปีนี้

นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซ์มิล แอนด์ แกรนารี จำกัด เครือมาบุญครอง หรือ “เอ็มบีเค กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทในประเทศญี่ปุ่น เพื่อซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ เอ็มบีเค ฟู้ด ซิสเต็มส์ ด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น 60% และทางญี่ปุ่นถือหุ้นที่เหลือ เพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหาร 2 แบรนด์คือ ฟาสต์ฟู้ดอาหารญี่ปุ่นและร้านอาหารประเภทเส้นอุด้ง ภายใน 3-5 ปีจะเปิดสาขาให้ได้ 20-30 สาขา ซึ่งแต่ละปีคาดว่าจะลงทุนต่อแห่ง 15 ล้านบาท โดยสาขาแรกจะเริ่มเปิดให้บริการที่ศูนย์การค้ามาบุญครอง บนพื้นที่ขนาด 330 ตารางเมตร

ขณะที่ธุรกิจข้าวถุงนั้นพบว่าทำกำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับผลระทบจากนโยบายของภารัฐ โดยเฉพาะปัญหาการจำนำข้าว จากที่ผ่านมาเคยทำกำไรได้สูง10% แต่ปัจจุบันนั้นเหลือไม่ถึง 5% เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริษัทต้องขยายไลน์ไปยังธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับข้าวมากขึ้นและยืนยันว่ายังไม่ทิ้งธุรกิจข้าวถุง แม้ว่าก่อนหน้านี้ก็ได้ทำการศึกษาเพื่อที่จะผลิตสแน็ก หรือขนมขบเคี้ยวที่ทำจากข้าว แต่พบว่าขนมประเภทดังกล่าวเติบโตน้อย จึงยังไม่มีแนวคิดที่จะทำข้าวแปรรูป แต่มีแนวคิดที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจข้าว เช่น จะขยายแบรนด์ศูนย์อาหารของเราไปยังศูนย์การค้าแห่งอื่นคือ ศูนย์อาหารเดอะฟิฟท์ ชั้น 5 เป็นอาหารอินเตอร์ และศูนย์อาหารชั้น 6 มาบุญครอง เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดี เป็นต้น

ด้าน นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2557 เอ็มบีเคกรุ๊ป ตั้งเป้าเติบโต 5-6% จากปีนี้กลุ่มบริษัทมีอัตราเติบโต 5-6% จากปี 2555 ที่รายได้รวมกว่า 9,000 ล้านบาท โดยปีนี้มีรายได้จากรายการพิเศษ คือจากการขายที่ดิน 18 ไร่ที่พัทยา มูลค่า 2,000 ล้านบาท ที่ดินบนเกาะสมุย 140ไร่ มูลค่า 1,000 ล้านบาท และขายหุ้นโรงแรมเอราวัณตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มูลค่า 300 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรในปีนี้สูงถึง 3,000 ล้านบาท หลังจากหักภาษีแล้วถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี มาจากธุรกิจศูนย์การค้า 55% การเงิน 20% โรงแรม 10% ข้าว 5% อสังหาฯ 5-6% เป็นต้น ขณะที่ในแง่รายได้มาจากธุรกิจศูนย์การคัา 30% ธุรกิจข้าว 30% โรงแรม20% อสังหาริมทรัพย์ 5% การเงิน 10% อื่นๆ 5%

โดยในช่วง 2 ปีนับจากนี้มีแผนจะลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ ให้มากขึ้นเพื่อให้มีรายได้เพิ่มเป็น 15% และภาคการเงินต้องการรายได้เพิ่มเป็น 20% เริ่มจากในปีหน้าเตรียมใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 300 ล้านบาทสำหรับปรับปรุงทางเชื่อมสกายวอล์กเชื่อมจากภายนอกไปยังโรงแรมปทุมวันปริ้นเซสโดยไม่ต้องเดินจากภายในศูนย์การค้ามาบุญครอง การปรับปรุงภายในศูนย์การค้ามาบุญครองอีก 200-300 ล้านบาท การปรับปรุงพื้นที่เฟส 2 ชื่อ ha ha ในศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค อีก 300-400 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น