อัตราหนี้เสียของสเปนในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 12.7% เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่ 12.1%บ่งชี้ว่า ธ.พาณิชย์ของสเปนยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ ในขณะที่อัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงได้ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ยืมบางส่วน
ไอร์แลนด์เตรียมกลับสู่ตลาดเงินตลาดทุนของโลกอีกครั้งด้วยการออกตราสารหนี้เพื่อเสนอขายในตลาดต่างประเทศช่วงเดือนม.ค. ปีหน้า หลังจากปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะค่อยๆ คลี่คลายลง
จีนเปิดเผยรายละเอียดแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี โดยมุ่งเน้นผลักดันให้เอกชนมีบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้น ประกอบด้วย อนุญาตให้เอกชนลงทุนในกิจการของรัฐได้ / เก็บภาษีอสังหาฯเพิ่ม / เอกชนสามารถจัดตั้งสถาบันการเงินขนาดเล็กได้ / ให้ชาวนามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง / ปล่อยเสรีอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น / อนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถออกพันธบัตรได้ / ผ่อนปรนให้บริษัทจีนสามารถควบรวมกิจการกับต่างชาติได้ / ผ่อนคลายนโยบายการมีบุตรคนเดียว ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
ก.พาณิชย์จีนรายงานว่า ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.ย. นักลงทุนจีนเข้าลงทุนในภาคธุรกิจต่างๆที่นอกเหนือจากภาคการเงินของสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 251.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีการลงทุนตั้งแต่ภาคพลังงาน การผลิต ไปจนถึงภาคอาหารและบริการ ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนรวมอยู่ที่ระดับ 1.43 หมื่นล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 0.09% ของ GDP สหรัฐ)
ราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่ของจีนในเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 9.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเฉพาะเมืองกวางเจาและเซินเจิ้น จากความต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น แม้รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเพื่อชะลอความร้อนแรงของตลาดในช่วงที่ผ่านมาแล้วก็ตาม
ธ.กลางมาเลเซียรายงาน GDP ประจำไตรมาส 3 ขยายตัว 5% เมื่อเทียบเป็นรายปีจาก ไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคส่งออกและการบริโภคในประเทศ
สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP ของไทยประจำไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 6 ไตรมาสที่ระดับ 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีจาก 2.9% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยบวกจากภาคท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ในขณะที่การบริโภค การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้าชะลอตัวลง นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.7% และ 0.7% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของราคาผัก ผลไม้ และพลังงานเป็นสำคัญ
สภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือเติบโต 3% จากเดิมที่ 3.8-4.3% เนื่องจากการส่งออกของประเทศขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ การดำเนินการตามแผนลงทุนที่สำคัญของรัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ประกอบกับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย สำหรับปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 4.0 - 5.0% จากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกและการดำเนินการตามแผนการลงทุนของภาครัฐ
สภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์การส่งออกในปีนี้ว่าจะไม่มีการเติบโตจากที่เคยคาดว่าจะโตได้ 5% จากภาวะอุปสงค์และราคาสินค้าในตลาดโลกยังอยู่ในภาวะซบเซา อย่างไรก็ตาม การส่งออกในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัว 7% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มการอ่อนค่าลงของเงินบาท ประกอบกับที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัว
ก.พาณิชย์ คงเป้าหมายการเติบโตของการส่งออกในปีนี้ที่ 1% และ 5% ในปีหน้าโดยระบุว่า การชะลอตัวของภาคการส่งออกปีนี้เป็นผลของฐานสูงในปีก่อนประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอในช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการส่งออกน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากรภาคเอกชนที่เร่งส่งออกในช่วงสิ้นปี ประกอบกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงปีหน้า รวมถึงปัญหาการส่งออกสินค้าบางประเภทเช่น กุ้งและสินค้าเกษตร ได้รับการแก้ไขแล้ว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาที่ระดับ 3% จากเดิม 3.5% เนื่องด้วยเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 อ่อนแอกว่าที่คาดและมีแนวโน้มซบเซาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี เนื่องด้วยสถานการณ์การบริโภคและการลงทุนที่น่าจะยังอยู่ในภาวะตึงตัว อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศหลักของโลกสามารถฟื้นตัวต่อเนื่องประกอบกับเงื่อนไขทางการเมืองไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เศรษฐกิจไทยในปีหน้าน่าจะมีจังหวะการฟื้นตัวที่ดีขึ้นและอาจขยายตัวได้ในระดับ 4.5%
SET Index ปิดที่ 1,423.96 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด (+0.23%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 26,070 ล้านบาท เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการประกาศแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของจีน ในขณะที่ปัจจัยภายในประเทศทั้งด้านการเมืองและตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์เป็นแรงกดดันดัชนีทำให้ปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค
ตลท. คาดว่ามูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันในปีหน้าจะมากกว่าระดับเฉลี่ยของปีนี้ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวและบริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะกดดันตลาดหุ้นได้แก่ กรณีที่ความไม่สงบทางการเมืองมีความยืดเยื้อ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างทรงตัวโดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยระหว่าง +0.01% ถึง +0.02% ในพันธบัตรอายุช่วง 3-10 ปี ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58,627 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท.อายุ 3 และ 6 เดือน มูลค่ารวม 56,000 ล้านบาท