เจเน็ต เยลเลน รองประธานและว่าที่ประธาน FED คนถัดไป กล่าวว่า FED ยังคงมี "งานที่ต้องทำเพิ่มเติม" ในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงานที่ยังอ่อนแอเกินไป โดยเชื่อว่าการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการทำให้นโยบายการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดว่า FED จะยังคงดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐ
ก.แรงงานสหรัฐ รายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ลดลง 2,000 ราย สู่ 339,000 ราย ลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเป็น 330,000 ราย สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังฟื้นตัวได้ไม่ดีเท่าไร
ยูโรสแตท รายงานว่า GDP ของยูโรโซน ขยายตัว 0.1% ในไตรมาส 3 ลดลงจาก 0.3% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอของเยอรมนีและฝรั่งเศส โดย GDP เยอรมนีขยายตัวลดลงเหลือ 0.3% ในไตรมาส 3 จากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 0.7% เนื่องจากส่งออกซบเซา แม้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะขยายตัวขึ้น ส่วนของฝรั่งเศสในช่วงไตรมาส 3 หดตัวลง 0.1% หลังจากที่ขยายตัว 0.5% ในช่วงไตรมาส 2 ในขณะที่อิตาลียังเผชิญกับภาวะถดถอยต่อเนื่อง โดย GDP ลดลง 0.1% ในไตรมาส 3 ต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่หดตัว 0.3% เป็นการหดตัวไตรมาสที่ 9 ติดต่อกัน
สภาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจแห่งเยอรมนีปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีในปีนี้ขึ้นเล็กน้อยจาก 0.3% สู่ 0.4% และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 1.6% ในปีหน้า จากการผลิตทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่จะขยายตัว 1% ในปีนี้ และ 1.3% ในปีหน้า (สภาผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจแห่งเยอรมนีเป็นกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ 5 คนซึ่งแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีของเยอรมนี เพื่อให้คำแนะนำรัฐบาลและรัฐสภาเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ)
ยอดค้าปลีกของอังกฤษเดือน ต.ค.ปรับตัวลง 0.7% จากเดือน ก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 0.6% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่หนาวจัดที่ทำให้ยอดขายเสื้อผ้าลดลง และผู้บริโภคยังลดการซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านกับน้ำมันรถด้วย
ไนท์แฟรงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ ระดับโลก คาดว่า ราคาบ้านในอังกฤษจะเพิ่มขึ้น 7% ในปีหน้า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 24% ภายใน 5 ปีข้างหน้าโดยการขยายตัวของราคาบ้านนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้นด้วย
GDP ที่แท้จริงของญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ขยายตัว 1.9% เมื่อเทียบรายปี ทำสถิติขยายตัว4 ไตรมาสติดกัน โดยกาอุปโภคบริโภคในไตรมาส 3 ขยายตัวได้ 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ส่วนยอดการส่งออกหดตัวลง 0.6% เนื่องจากเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ชะลอตัวลงขณะที่การลงทุนในภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.2%
จีนเตรียมเปิดเขตการค้าเสรีในชิงเต่าซึ่งเป็นเมืองท่าเรือสำคัญของจีนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยตั้งเป้าที่จะดึงดูดการลงทุนจากภาคธนาคารกับบริษัทประกันของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเมืองที่จีนจะจัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องด้วยเช่นกัน อาทิ เถียนจิน และหวู่ฮั่น
ก.พาณิชย์อินเดีย รายงานว่า เงินเฟ้อเดือน ต.ค.ขยายตัว 7% จากปีก่อน สูงกว่าเดือน ก.ย.ที่ขยายตัว 6.46% อันเป็นผลจากเงินรูปีที่อ่อนค่าลงและปัญหาด้านอุปทานของอาหารกับพลังงานที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นแม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอลง ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้กับธนาคารกลางอินเดียที่อาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
รัฐบาลไทยเปิดเผยความคืบหน้าข้อตกลง FTA ไทย-EU โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปได้ในปลาย ปีหน้า และจะมีการร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการบริการการท่องเที่ยว การพัฒนาและปรับปรุงบริการด้านการท่องเที่ยว ฯลฯ รวมทั้งการหารือเชิงนโยบายด้านธุรกิจ SME ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนโยบายการส่งเสริม SME และการส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง SME ของทั้งสองฝ่าย
ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติเห็นชอบกับร่างกรอบเจรจาความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอาการระหว่างประเทศ และการปฏิบัติตามกฎหมายให้รายงานธุรกรรมทางการเงินบุคคลสัญชาติสหรัฐอเมริกาที่อยู่นอกประเทศซึ่งมีผลประโยชน์ทางภาษี (Foreign Account Tax Compliance Act: FATCA) ซึ่งกฎหมาย FATCA นี้มีเพื่อตรวจสอบและป้องกันการเลี่ยงภาษีของผู้มีรายได้ที่มีสัญชาติอเมริกันซึ่งดำเนินธุรกรรมทางการเงินนอกสหรัฐ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค. 57 และการที่รัฐสภาเห็นชอบนี้จะทำให้สถาบันการเงินของประเทศไทยไม่ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 30 ของเงินได้ที่อยู่ภายใต้ระบบภาษีของประเทศสหรัฐ
รมว.คมนาคม เล็งยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นฮับขนส่งสินค้าในภูมิภาค โดยจำเป็นต้องสร้างเส้นทางขนส่งสินค้าจากไทยกระจายไปยังจุดอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดอาเซียน นอกจากนี้ ยังมีแผนเตรียมขยายคลังสินค้าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าได้มากขึ้นเป็น 3 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่รองรับได้ 1.7 ล้านตันต่อปี
เจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) กล่าวว่า บริษัทกำลังมีแผนการที่จะย้ายสำนักงานใหญ่นานาชาติจากเซี่ยงไฮ้มายังสิงคโปร์ในไตรมาส 2 ปีหน้า โดยก่อนหน้านี้ GM ได้แยกส่วนงานที่ดำเนินธุรกิจในจีนออกมาต่างหากเพื่อที่จะได้มุ่งเน้นการทำตลาดในจีนโดยเฉพาะ ซึ่งการย้ายไปสิงคโปร์มีข้อได้เปรียบหลายประการ เช่น การได้เข้าใกล้ตลาดที่มีศักยภาพอย่างอาเซียน อินเดีย ตะวันออกกลาง และอัฟริกา มากขึ้น รวมทั้งยังได้รับสิทธิทางภาษีที่ดีขึ้น แรงงานที่มีทักษะสูงและสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่ที่ดี
SET Index ปิดที่ 1,415.69 จุด เพิ่มขึ้น 10.92 จุด (+0.78%) ด้วยมูลค่าซื้อขายเพียง 29,688 ล้านบาท โดยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่า เจนเนต เยลเลน จะแถลงความเห็นที่ส่งสัญญาณการคงมาตรการ QE สำหรับตลาดหุ้นไทยยังมีปริมาณการซื้อขายไม่สูง เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจกับบรรยากาศการเมืองในประเทศที่อาจจะมีการยกระดับการชุมนุมขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปัจจัยการเมืองยังไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ดัชนี SET Index เริ่มยืนระดับได้บ้าง และหุ้นมูลค่าตลาดใหญ่ได้ปรับตัวขึ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างทรงตัว โดยเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท.อายุ 14 วัน มูลค่า 30,000 ล้านบาท