ASTVผู้จัดการรายวัน - สถานทูต ทูตพาณิชย์ และสถาบันการเงิน “พม่า-เวียดนาม-ลาว” หนุนทีมนักธุรกิจวงการป้ายและสื่อโฆษณาไทยเดินสายจัดโรดโชว์และจับคู่ธุรกิจเปิดตลาด AEC เต็มรูปแบบ พร้อมดึงร่วมงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีสื่อโฆษณาทุกรูปแบบ ทั้งสื่อนอกบ้านแบบดั้งเดิม สื่อ LED และสื่อดิจิตอล หวังสร้างเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 14-17 พ.ย.ศกนี้ ณ ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี
นายสักกฉัฐ ศิวะบวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอบริก จำกัด ผู้นำด้านการจัดงานเทรดโชว์ในวงการป้ายและโฆษณาของประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงานแสดงสินค้าป้ายและสื่อโฆษณาชนิดต่างๆ “SIGN ASIA EXPO - LED & DIGITAL SIGN 2013” ระหว่างวันที่ 14-17 พ.ย.ศกนี้ ณ ฮอลล์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า ธุรกิจป้ายและสื่อโฆษณาถือเป็นดัชนีชี้วัดว่าเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ มีอัตราการเติบโตมากน้อยเพียงใด จึงทำให้ประเทศเศรษฐกิจต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และบางประเทศในยุโรป ให้ความสำคัญและมีการจัดงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตป้ายและสื่อโฆษณารูปแบบต่างๆ โดยในส่วนของประเทศไทยมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี
สำหรับการจัดงานครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีการรวบรวมเทคโนโลยีต่างๆ ของวงการป้ายและสื่อโฆษณาทุกรูปแบบ ทั้งสื่อนอกบ้านแบบดั้งเดิม สื่อ LED และสื่อดิจิตอล ภายใต้แนวคิด “It’s Time for AEC” เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดเออีซีอย่างเต็มตัว หลังจากเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนได้มีการจัดโรดโชว์นำร่องทีมนักธุรกิจไทยในวงการป้ายและสื่อโฆษณาเดินไปยังประเทศพม่า เวียดนาม และลาว เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและศึกษาโอกาสในการร่วมมือกันระหว่างนักธุรกิจไทยกับท้องถิ่นทั้ง 3 ประเทศ
“การจัดโรดโชว์ดังกล่าวถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะถือเป็นนักธุรกิจไทยกลุ่มแรกที่ขับเคลื่อนเข้าไปทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก 3 หน่วยงานราชการและเอกชนของทั้ง 3 ประเทศ คือ สถานทูต ทูตพาณิชย์ และสถาบันการเงิน ที่ร่วมสร้างความชัดเจนและประสานความเข้าใจในด้านเศรษฐกิจ สังคม การพัฒนาในด้านต่างๆ รวมถึงเงื่อนไขกฎหมายและข้อจำกัดของแต่ละประเทศ จึงทำให้การจับคู่ธุรกิจเป็นไปอย่างเกินความคาดหมาย เพราะได้รับการตอบรับจากนักธุรกิจท้องถิ่นสูงกว่าจำนวนนักธุรกิจไทยมากถึง 2-3 เท่า เนื่องจากยังขาดแคลนเครื่องจักร เทคโนโลยี ตลอดจนบุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญ และความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตงาน”
นายสักกฉัตรยังกล่าวถึงความน่าสนใจของทั้ง 3 ประเทศว่า ประเทศพม่าซึ่งเพิ่งเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ จึงทำให้มีประเทศต่างๆ สนใจเข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดรัฐบาลพม่าเพิ่งมีการปรับกำหนดการอนุญาตให้สถาบันการเงินต่างชาติเข้าไปดำเนินงานได้ถึง 33 รายในปี 2557 จากเดิมที่กำหนดในปี 2558 จึงทำให้แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจป้ายและสื่อโฆษณามีโอกาสเติบโตสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบันได้มีนักธุรกิจไทยเข้าไปร่วมทุนแล้วประมาณ 30%
ส่วนประเทศเวียดนามซึ่งมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ยังมีความต้องการสินค้าคุณภาพและมีความคิดสร้างสรรค์จากไทย ขณะที่ประเทศลาวถือว่ามีความใกล้ชิดและการส่งผ่านวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ใกล้ชิดกันมาก จนแทบไม่มีช่องว่างใดๆ ในการทำธุรกิจ จึงทำให้คาดว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจการค้า การลงทุนด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นได้อีกมากในอนาคต
นายสักกฉัตรกล่าวด้วยว่า การจัดงานครั้งนี้ยังได้รับการตอบรับจากนักธุรกิจพม่า เวียดนาม และลาว รวมถึงชาติต่างๆ ประมาณ 30 ประเทศเข้าร่วมชมงาน โดยคาดว่ายังจะมีผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตป้ายและสื่อโฆษณา ตลอดจนครีเอทีฟ เอเยนซี รวมถึงผู้สนใจเริ่มประกอบธุรกิจเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีผู้ชมงานประมาณ 7 พันคน และยอดขายประมาณ 500 ล้านบาท เป็นไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นราย พร้อมทำยอดขายจากการสั่งซื้อสินค้าประมาณ 800 ล้านบาท โดยคาดว่านักธุรกิจพม่า เวียดนาม และลาวจะมียอดการสั่งซื้อสินค้าประมาณ 150-200 ล้านบาท