ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์เผยนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่หวั่นสถานการณ์การเมืองไทย แห่จับจ่ายใช้สอยร่วม 35-50% จากรายได้ทั้งหมดของผู้ประกอบการ ส่วนคนไทยยังมีกำลังซื้อลดลงเพราะนโยบายรถยนต์คันแรกและค่าแรง 300 บาท เตรียมจัดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี หวังดึงนักท่องเที่ยว 20-30 ล้านคนทำยอดเงินสะพัดกว่า 1.8 หมื่นล้านบาทในช่วงวันที่ 19 พ.ย. 56-31 ม.ค. 57
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงใช้พื้นที่ราชประสงค์เป็นสถานที่ชุมนุมทางการเมืองจนก่อเหตุการณ์ขั้นรุนแรงเมื่อปี 2533 จนถึงปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาภายในย่านราชประสงค์มากกว่า 78 ล้านคน ส่งผลให้ยอดการจองห้องพักของโรงแรมมีสูงถึง 70% โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน อินเดีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ยุโรป และอื่นๆ ขณะที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็ถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญสูงต่อการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการต่างๆ
เหตุผลที่ย่านราชประสงค์ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีการสร้างสรรค์และนำเสนอปรากฏการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งการชอปปิ้ง กิน ดื่ม เที่ยว หรือแม้แต่การสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังพบว่าในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 10 ล้านคนที่เดินทางมาประเทศไทยจะใช้เวลาพักในกรุงเทพฯ ประมาณ 1 วันครึ่งถึง 2 วัน และใช้เวลาเดินทางมาราชประสงค์เป็นเวลา 1 วัน โดยมีกำลังซื้อเฉลี่ย 35-50% จากรายได้ทั้งหมดของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก กลาง และใหญ่กว่า 3.6 หมื่นรายในย่านราชประสงค์
“การเดินทางมาราชประสงค์ของนักท่องเที่ยวถือเป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจในทุกๆ ด้าน เพราะในบางประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลางถือว่าการชุมนุมทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ขณะที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะมีความกังวลต่อเรื่องความปลอดภัยสูงมาก ส่วนนักท่องเที่ยวจีนแม้จะมีความกังวลบ้างแต่เป็นเพราะประเทศจีนมีประชากรเป็นจำนวนมากและใช้เวลาการเดินทางไม่มากนัก ประกอบกับความหลากหลายของราชประสงค์จึงยังทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาอย่างสม่ำเสมอ”
สำหรับการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยในช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับภาวะปกติ แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายอาจมีกำลังซื้อลดลง เพราะเริ่มได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายรถยนต์คันแรกและค่าแรง 300 บาท แต่คาดว่าจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 เนื่องจากโครงการใหม่ๆ ในพื้นที่ราชประสงค์ไม่ต่ำกว่า 2-3 แห่งจะเริ่มเปิดให้บริการ ยิ่งถ้าหากภาครัฐมีการใช้จ่ายงบประมาณด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงได้รับปัจจัยเสริมจากภาคการส่งออกและเกษตรกรรมโดยเฉพาะนโยบายเรื่องข้าวก็จะทำให้ผู้บริโภคคนไทยมีกำลังซื้อสูงขึ้น
นายชายกล่าวด้วยว่า จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า พื้นที่ย่านราชประสงค์ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจและต้องการเดินทางเยือนในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นลำดับที่ 8 ของโลก เนื่องจากที่ผ่านมามีการจัดแคมเปญไลฟ์สไตล์ที่สำคัญคือ “Happiness is All Around @ Ratchaprasong” อย่างต่อเนื่องมาถึง 13 ปี
สำหรับปี 2556 สมาคมฯ ใช้งบประมาณ 150-200 ล้านบาทจัดงานในระหว่างวันที่ 19 พ.ย. 56-31 ม.ค. 57 ภายใต้แนวคิด “The Land of Hampers” หรืออาณาจักรของขวัญที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกส่งความสุขด้วยกระเช้าของขวัญที่มีความหลากหลายกว่า 1 หมื่นรายการ โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บจก.วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย-แปซิฟิค) แอลแอลซี และสมาชิกสมาคมฯ ทั้งศูนย์การค้า โรงแรมระดับลักชัวรี ร้านอาหารชื่อดัง และแหล่งชอปปิ้งไลฟ์สไตล์กว่า 3 พันร้านค้า เพื่อตอกย้ำภาพย่านราชประสงค์ในฐานะแหล่งรวมทุกไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองความต้องการทุกด้านให้นักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังร่วมกับ บจก.วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย-แปซิฟิค) แอลแอลซี ศูนย์การค้าเกษร อัมรินทร์ พลาซ่า เซ็นทรัล เวิลด์ เอราวัณแบงค็อค เพรสิเด้นท์ ทาวเวอร์ อาเขต และอีกกว่า 3 พันร้านค้า จัดโปรโมชัน “ราชประสงค์ วินเทอร์ เซล” มอบส่วนลดพิเศษสูงสุด 80% ให้นักท่องเที่ยวได้ชอปปิ้งสินค้ากว่า 1 แสนรายการ โดยได้ประสานงานกับ สตช.ในการดูแลรักษาความปลอดภัย พร้อมกล้อง CCTV กว่า 1 พันตัวครอบคลุมทุกพื้นที่ย่านราชประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวปละประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม
“การจัดแคมเปญนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการได้มากถึงวันละ 3.51 แสนคน โดยคาดว่าในค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะมีมากถึง 5 แสนคน รวมเป็นจำนวน 20-30 ล้านคน ส่งผลให้มียอดจองห้องพักสูงถึง 95% พร้อมสร้างรายได้มากถึง 1.8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีนักท่องเที่ยวประมาณ 10-15 ล้านคน และรายได้ประมาณ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท”
