xs
xsm
sm
md
lg

"บิล กรอส"เรียกร้องกลุ่มอภิมหาเศรษฐีสหรัฐหนุนขึ้นภาษีเพื่อช่วยเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

        นายบิล กรอส ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า กลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด 1 % แรกของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเขา ควรสนับสนุนการขึ้นภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สินและภาษีค่าตอบแทนของผู้จัดการกองทุน (carried interest) เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจสหรัฐ 
        นายกรอส ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัท แปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์ โค (พิมโค) ระบุในจดหมายแนวโน้มการลงทุนฉบับล่าสุดของเขาว่า กลุ่มมหาเศรษฐีของสหรัฐ "ควรเต็มใจสนับสนุนการขึ้นภาษี carried interest และกำไรจากการขายทรัพย์สิน โดยปรับอัตราภาษีดังกล่าวให้ตรงกับอัตราภาษีเงินได้ส่วนเพิ่มที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน" 
        ทั้งนี้ Carried interest หมายถึงค่าตอบแทนที่ผู้จัดการกองทุนร่วมทุนเอกชนหรือผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้รับ   โดยคิดเป็นสัดส่วนของกำไรที่ได้จากการลงทุนของกองทุนนั้น 
        กำไรจากการลงทุนนี้ถูกจัดเก็บภาษีในสหรัฐในอัตราไม่เกิน 20 %ในขณะที่กลุ่มผู้มีเงินได้สูงสุดเสียภาษีเงินได้แบบธรรมดาในอัตราที่สูงเกือบถึง 40 % 
        นายกรอสกล่าวเสริมว่า นโยบายผ่อนคลายสินเชื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มคนรวยทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา 
        นายกรอส ซึ่งเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งข้อสังเกตว่า นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ และนายสแตนลีย์ ดรัคเคน มิลเลอร์ ซึ่งต่างก็เป็นมหาเศรษฐี ได้สนับสนุนข้อเสนอเกี่ยวกับภาษีนี้เช่นกัน โดยนายดรัคเคน มิลเลอร์ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทดูเคน แคปิตัล แมเนจเมนท์ และเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุน เฮดจ์ฟันด์ที่ทำกำไรได้สูงที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา 
        นายกรอสกล่าวว่า "ยุคสมัยแห่งการจัดเก็บภาษี 'เงินทุน' ในอัตราที่ต่ำกว่า 'แรงงาน' ควรสิ้นสุดลงได้แล้วในตอนนี้" ทั้งนี้ กองทุนพิมโค โททัล รีเทิร์น ฟันด์ของนายกรอสมีมูลค่า 2.50 แสนล้านดอลลาร์ และถือเป็นกองทุนรวมที่มี ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 
        นายกรอสยอมรับว่าเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนรวยที่สุด 1 % แรกของสหรัฐ และกล่าวว่าการปรับขึ้นภาษีน่าจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพทางการแข่งขันของสหรัฐเมื่อเทียบกับเยอรมนีและแคนาดาด้วย 
        นายกรอสกล่าวเสริมว่า "แทนที่จะมองประเด็นเรื่องการปฏิรูปภาษีจากมุมมองที่ว่า กลุ่มคนรวย 1 % แรกต้องจ่ายภาษีเงินได้โดยรวมในอัตราที่สูงมากเพียงใด คุณก็ควรที่จะพิจารณาว่าคุณครองสัดส่วนในรายได้ประชาชาติมากเพียงใดเพราะอภิสิทธิ์ของคุณ" 
        นายกรอสกล่าวว่า ประเทศพัฒนาแล้วทำงานได้ดีที่สุดเมื่อความไม่เสมอภาค ทางรายได้อยู่ในระดับต่ำสุด 
        ในการให้สัมภาษณ์ต่อสถานีเคเบิลทีวี CNBC ในวันพุธ นายกรอสกล่าวว่า เขาและนางซู ซึ่งเป็นภรรยา ได้ให้สัญญาว่าจะบริจาคเงินทั้งหมดก่อนเสียชีวิต และกล่าวว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการทำตามอย่างนายแอนดรูว์ คาร์เนกี ซึ่งเป็นมหา เศรษฐีนักบริจาคเงินที่เสียชีวิตในปี 1919 
        นายกรอสกล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความผิดในการส่งเสริมให้เกิดภาวะไม่สมดุลในการเติบโตของรายได้ 
        นายกรอสกล่าวว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่เฟดนำมาใช้นับตั้งแต่ปลายปี 2008 เป็นต้นมา เปรียบได้กับการดำเนินโครงการซื้อคืนหุ้นขนาด  1 ล้านล้านดอลลาร์เกือบทุกปี และการทำเช่นนี้เป็นการกระตุ้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและหุ้น แทนที่จะเป็นการลงทุนใน "โรงงานและอุปกรณ์ที่มีประโยชน์" 
        เฟดดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในปัจจุบันด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในอัตรา 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ เฟดยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2008 และได้ขยายขนาดงบดุลของเฟดขึ้นเป็น 4 เท่า สู่ระดับสูงกว่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ โดยผ่านทางการดำเนิน QE 3 รอบ 
        นายกรอสกล่าวว่า "การเติบโตในระยะยาวของบริษัทแต่ละแห่งและประเทศทุกประเทศ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการปรับแต่งงบดุลและความคล่องแคล่วทางการเงิน แต่ขึ้นอยูกับการลงทุนและอุปสงค์ในสินค้าของบริษัทหรือของประเทศนั้น" 
        ในวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา นายกรอสได้วิจารณ์ความพยายามของนาย คาร์ล ไอคาห์น ซึ่งเป็นมหาเศรษฐี ในการผลักดันให้บริษัทแอปเปิลเริ่มต้นซื้อคืนหุ้น 1.50 แสนล้านดอลลาร์ด้วย โดยนายกรอสระบุในแอคเคาท์ ทวิตเตอร์ของพิมโคว่า "นายไอคาห์นควรปล่อยให้แอปเปิลอยู่เฉยๆ และเขาควรใช้เวลาแบบนายบิล เกตส์มากกว่านี้ ซึ่งถ้าหากนายไอคาห์นเป็นคนฉลาด เขาก็ควรใช้สิ่งนี้ในการช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ช่วยเหลือตัวเอง" 
        นายกรอสระบุในวันที่ 25 ต.ค.ว่า "ผมควรใช้เวลาแบบนายบิล  เกตส์มากยิ่งขึ้นเหมือนกัน เราทุกคนควรทำแบบนั้น เขาและนางเมลินดา เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมมาก"
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
      
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
กำลังโหลดความคิดเห็น