xs
xsm
sm
md
lg

“มาสเตอร์คูล” โวรายได้โต 50% วางหมากช่องทางขายทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ASTVผู้จัดการรายวัน - มั่นใจปี 56 กวาดรายได้ทะลุ 400 ล้านบาท เพราะความโดดเด่นหลายด้านของผลิตภัณฑ์ เมินต่างชาติชวนผุดโรงงานแต่จะปรับกลยุทธ์การขายด้วยการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ พร้อมงบฯ การตลาดพิเศษ 6-7% จากรายได้แต่ละปี ส่วนตลาดในประเทศปี 57 เดินหน้าขยายพื้นที่ ณ จุดขายในโฮมโปรและแม็คโครครอบคลุมทุกสาขา รองรับเป้า 5 ปีทำยอดขายเกิน 1 พันล้านบาท

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำผลิตภัณฑ์ให้ความเย็นทางเลือกใหม่ภายใต้ชื่อ “MASTERKOOL” เปิดเผยว่า ในปี 2556 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ทั้งสิ้น 400 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 50% แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 350 ล้านบาท และการส่งออก 50 ล้านบาท คิดเป็นยอดขายจากผลิตภัณฑ์หลัก 3 ประเภท ได้แก่ พัดลมไอเย็น ในสัดส่วน 60% พัดลมไอน้ำ ในสัดส่วน 30% และระบบระบายอากาศ ประมาณ 10%

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเป็นเพราะการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องโดยพิจารณาถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลักจึงทำให้มีผลิตภัณฑ์ให้ความเย็นที่หลากหลาย ทั้งยังมีการปรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจากเดิมที่เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลักมาเป็นกลุ่มครัวเรือนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มให้การตอบรับในผลิตภัณฑ์จนทำให้บริษัทต้องเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเป็น 50 รายใน 40 ประเทศทั่วโลกจากเดิมที่มีเพียง 30 ราย

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทถือเป็นนวัตกรรมการให้ความเย็นที่มีจุดเด่นหลายด้าน ทั้งแง่ของการให้ความเย็นที่สูงกว่าพัดลม ประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าการใช้เครื่องปรับอากาศ ทั้งยังมีความโดดเด่นด้านขนาดและรูปลักษณ์ที่ประหยัดพื้นที่และสามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมไปถึงคุณภาพงานบริการหลังการขายในระดับมาตรฐานโลก จึงทำให้ยอดขายของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด

“เรายังคงมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อทำตลาดทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 2 ชนิด คือ เครื่องให้ความเย็นแบบแขวนผนัง หรือ Window Type และเครื่องควบคุมความชื้นอัตโนมัติ โดยเตรียมงบประมาณการตลาดประมาณ 40 ล้านบาท แบ่งเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ 20 ล้านบาท และกิจกรรม ณ จุดขาย 20 ล้านบาท”

ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจำหน่าย 2 ส่วน คือ ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศประมาณ 40-50 ราย ผ่านช่องทางค้าปลีกที่ร้านโฮมโปรและแม็คโครประมาณ 30 สาขา แต่ในปี 2557 จะมีการขยายตัวแทนจำหน่ายเป็น 200 สาขา พร้อมเพิ่มพื้นที่ ณ จุดขายในร้านโฮมโปรและแม็คโครครอบคลุมทุกสาขา โดยคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้เป็น 500 ล้านบาทจากกำลังการผลิต 1 หมื่นยูนิตต่อเดือน โดยมีเป้าหมาย 5 ปีว่าจะเพิ่มยอดขายเป็น 1 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5 หมื่นยูนิตต่อเดือน

นายนพชัยยังกล่าวถึงแผนการขยายตลาดต่างประเทศด้วยว่า บริษัทได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการส่งออกในการแนะนำสินค้าสู่ตลาดโลก จนทำให้สามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ครอบคลุมทั้งในอาเซียน เอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป โดยตลาดใหญ่สุดยังคงเป็นกลุ่มประเทศในเอเชีย คือ อินเดีย อินโดนีเซีย และพม่าตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีหลายประเทศที่เสนอให้บริษัทเข้าไปร่วมทุนเพื่อตั้งโรงงานในประเทศนั้นๆ เพื่อขยายโอกาสทางการเติบโต รวมถึงลดต้นทุนการผลิตและขนส่ง

แม้ว่าการขยายโรงงานในต่างประเทศถือเป็นโอกาสที่ดี แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ประสิทธิภาพของตัวแทนจำหน่ายและแรงงานท้องถิ่น ขนาดของตลาดในแต่ละประเทศ และอื่นๆ บริษัทจึงยังไม่ได้มีการตัดสินใจแต่อย่างใด แต่จะให้ความสำคัญในเรื่องของการปรับโมเดลช่องทางการจำหน่ายจากเดิมที่มีเพียงประเทศละ 1 ราย ให้บางประเทศที่มีโอกาสทางการตลาดสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 3 ราย พร้อมเปิดโอกาสให้ตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศทำกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยตนเอง โดยบริษัทจะวางกรอบการบริหารด้านแบรนด์และมีงบกลางสนับสนุนด้านการตลาดประมาณ 6-7% จากยอดขายของแต่ละปีในแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ ในปี 2557 บริษัทยังมีแผนการขยายการลงทุนและสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจด้วยการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


กำลังโหลดความคิดเห็น