ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัก โอบามา ได้ลงนามร่างกฏหมายเพื่อเปิดหน่วยงานภาครัฐอีกครั้งหลังจากที่ต้องปิดทำการมา 16 วัน และเพื่อขยายเพดานหนี้ หลังจากที่ได้รับมติเห็นชอบจากสภาคองเกรส โดย จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรยอมรับว่าไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้าน ทั้งนี้ ร่างกฏหมายนี้จะจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค. 57 ทำให้ข้าราชการหลายแสนคนจะสามารถกลับมาทำงานได้ รวมถึงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของ ก.คลังไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ. 57
Dagong บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของจีน ลดอันดับเครดิตของสหรัฐอเมริกาจาก A ลงสู่ A- เนื่องจากหนี้ภาครัฐพุ่งสูงเกินรายได้ไปมาก ในขณะที่ GDP ไม่เปลี่ยนแปลง และระบุว่า “เป็นเวลานานมาแล้วที่รัฐบาลสหรัฐใช้วิธีชำระหนี้ด้วยการกู้เงินใหม่มาใช้หนี้เก่า การกระทำเช่นนี้กระทบความสามารถในการชำระหนี้คืนที่เปราะบางอยู่แล้วอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ถึงกระนั้นก็ดี รัฐบาลสหรัฐก็ยังคงใช้วิธีที่เกือบจะนำไปสู่วิกฤติผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่จะบรรเทาปัญหาหนี้ได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอย่างเห็นได้ชัด”
FED เปิดเผยใน Beige Book ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวในอัตราเล็กน้อยถึงปานกลางระหว่างเดือน ก.ย. ถึงต้นเดือน ต.ค. จากการฟื้นตัวของภาคที่อยู่อาศัยและการบริโภคที่ขยายตัว โดยทุกเขตในภาพรวมยังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐรายงานดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ต.ค.ที่ 55 จุด ลด ลง 2 จุดจากเดือน ก.ย. บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านในสหรัฐที่ลดลงจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น
ส.สถิติแห่งชาติอังกฤษ รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 0.6% เทียบกับเดือนก่อน และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากแรงหนุนของยอดขายเฟอร์นิเจอร์ที่เพิ่มขึ้น 3% ในขณะที่ยอดขายสินค้าในหมวดอาหารลดลง 0.2%
ก.พาณิชย์จีนเปิดเผยตัวเลขเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือน ก.ย.ที่ 8.84 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.88% โดยยอด FDI จากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเติบโต 21.3% และ 23% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอด FDI ภาคบริการจะเติบโต 13.3% แต่ภาคอุตสาหกรรมกลับหดตัว 3.96%
ยอดส่งออกสินค้าที่ผลิตในสิงคโปร์ยกเว้นน้ำมันเดือน ก.ย.ลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่หดตัว 6.8% โดยสาเหตุหลักมาจากการหดตัวของการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ส.อ.ท.เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน ก.ย.ที่ 90.4 จุด ลดลงจาก 91.3 ในเดือน ส.ค. เป็นการลดต่ำกว่าระดับ 100 จุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 และต่ำที่สุดในรอบ 23 เดือน ผลักดันโดยปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับน้ำท่วม การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และความกังวลต่อปัญหาการเมือง อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้านั้นอยู่ที่ 100.5 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 98.1 ในเดือนส.ค.
ส.อ.ท.รายงานตัวเลขการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.ย.ที่ 118,253 คัน 52,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.76% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13.46% จากเดือน ส.ค. ทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 25 ปีอีกครั้งตั้งแต่เคยมีการส่งออกมาเมื่อปี 2531 ทั้งนี้ จำนวนรถยนต์ที่ผลิตในเดือน ก.ย.เป็น 194,737 คัน ลดลง 16.28% จากเดือนเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.86% จากเดือนส.ค. ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน ก.ย.อยู่ที่ 94,859 คัน ลดลง 28.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5.41% จากเดือนส.ค. เพราะส่งมอบรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรกเสร็จสิ้นแล้ว และมีเพียงบางส่วนที่กำลังติดตามว่าจะสละสิทธิ์หรือไม่
ม.หอการค้าไทย ลดการคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือ 3.5% ในขณะที่การส่งออกโตเพียง 1.9% จากหลากหลายปัจจัย เช่น ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะปัญหาในสหรัฐ ปัญหาการเมืองที่ไม่แน่นอน ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง รวมถึงงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทที่ยังไม่ชัดเจน
ม.หอการค้าไทยคาดการณ์ว่า GDP ปีหน้าจะขยายตัว 5.1% หรืออยู่ในกรอบ 4.6-5.5% จากเม็ดเงินการลงทุนในโครงการภาครัฐและเอกชน รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
SET Index ปิดที่ 1,469.09 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด (+0.32%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 50,595.22 ล้านบาท โดยเคลื่อนไหวในแดนบวกหลังรับรู้ข่าวดีจากการแก้ปัญหาการปิดหน่วยงานราชการ และการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐออกไปถึงต้นปีหน้า แต่เผชิญกับแรงขายระยะสั้นในช่วงบ่ายในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มพลังงาน ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไปคือการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 รวมถึงความคืบหน้าของพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทและการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสภาฯ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.05% ถึง 0.00%สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. อายุ 14 วัน มูลค่า 30,000 ล้านบาท
Jim Grant (ผู้ก่อตั้งสถาบัน Grant’s Interest Rate Observer ) “ธรรมชาติของตลาดเงินตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อมั่น ถ้าเราปล่อยให้ความเชื่อมั่นถูกเขย่า ผลกระทบที่เราจะได้รับก็คือความหายนะ"