บีบีซี/เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร(8) ย้ำพร้อมเจรจางบประมาณกับรีพับลิกัน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องหยุดจับเศรษฐกิจของประเทศมาข่มขู่ อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องนี้ก็ถูกปฏิเสธอย่างทันควัน ท่าทีที่แข็งขืนของสองฝ่ายที่บ่งชี้ว่าปัญหาทางตันในสภาคองเกรส อันส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของอเมริกาต้องปิดทำการเข้าสู่วันที่ 8 แล้ว คงไม่ยุติลงง่ายๆ
สหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังสภาคองเกรสล้มเหลวในการผ่านร่างงบประมาณ ทั้งนี้แกนนำรีพับลิกันในวันอังคาร (8) เรียกร้องอีกรอบใหม่ โอบามา เปิดเจรจาเพื่อยุติปัญหาทางตัน อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่ารีพับลิกัน กำลังข่มขู่เรียกร้องให้โอนอ่อนผ่อนตามเพื่อแลกกับการเพิ่มเพดานหนี้และกลับมาเปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางอีกครั้ง
ที่ทำเนียบขาว นายโอบามา บอกว่าเขาพร้อมพูดคุยกับ จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกรีพับลิกันคนอื่นๆ ในทุกเรื่อง แต่ก็ย้ำว่าการเจรจาใดๆ ในประเด็นปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางหรือเพดานหนี้ ไม่ควรแขวนคำขู่ชัตดาวน์หรือความยุ่งเหยิงทางเศรษฐกิจไว้บนศีรษะของอเมริกันชน
นอกจากนี้แล้วเขายังเตือนถึงผลกระทบของการผิดนัดชำระหนี้ หากว่าสภาครองเกรสล้มเหลวในการขยายเพดานหนี้ภายในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ โดย โอบามา บอกว่าการละเมิดเพดานหนี้จะก่อความยุ่งเหยิงแก่ตลาดทุน กัดเซาะความเชื่อมั่นของนานาชาติที่มีต่ออเมริกา เพิ่มภาระหนี้สินของประเทศอย่างถาวรและทำให้ตัวเลขดุลสูงขึ้น รวมทั้งเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ในถ้อยแถลงตอบโต้คำกล่าวของโอบามาอย่างทันทีทันใด นายโบห์เนอร์ บอกว่าประธานาธิบดีโอบามา ต้องการให้พรรครีพับลิกันยอมจำนนในร่างงบประมาณ และการขยายเพดานหนี้แบบไม่มีเงื่อนไข แต่รีพับลิกันจะไม่ทำตามข้อเรียกร้องนั้น
รัฐบาลสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานบางส่วนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากรีพับลิกัน ซึ่งควบคุมสภาผู้แทนราษฎร ปฏิเสธเห็นชอบงบประมาณ โดยตั้งเงื่อนไขจะยกมือสนับสนุนก็ต่อเมื่อมีการเลื่อนบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพของโอบามา (โอบามาแคร์) ออกไปหรือไม่ก็ตัดทอนงบลงมา อย่างไรก็ตาม โอบามาและเดโมแครตปฏิเสธ โดยย้ำว่ากฎหมายนี้ผ่านมติของคองเกรสตั้งแต่ปี 2010 จากนั้นก็ได้รับความเห็นชอบจากศาลฏีกาแล้ว ขณะที่นโยบายดังกล่าวเป็นแก่นกลางที่ช่วยให้ โอบามา คว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012
ปัญหาทางตันข้างต้นไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อเหล่าสมาชิกของรีพับลิกันผูกโยงเรื่องนี้เข้ากับการขยายเพดานหนี้ ด้วยบอกว่าจะไม่ยอมยกมือสนับสนุนการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ จนกว่าฝ่ายโอบามาและเดโมแครต จะยอมแก้ไขกฎหมายประกันสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ
ในวันอังคาร (8) นายโบห์เนอร์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเขาต้องการหารือกับโอบามาและสมาชิกสภาคองเกรสของเดโมแครต “ผมไม่ได้ขีดเส้นบนผืนทราย แต่นี่เป็นเวลาที่เราต้องนั่งลงและคลี่คลายความเห็นต่าง” อย่างไรก็ตาม โอบามา ยืนกรานว่า นายโบห์เนอร์ ควรยุติวิกฤตชัตดาวน์ด้วยการเปิดให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณแบบเพียวๆโดยไม่แก้ไขกฎหมายสุขภาพ ซึ่งน่าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกเดโมแครตและรีพับลิกันสายกลาง แต่หล่านักวิเคราะห์มองว่าหากเขาทำแบบนั้นก็เสี่ยงสร้างความขุ่นเคืองแก่สายอนุรักษนิยมในรีพับลิกัน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและต่างชาติ รวมถึงเหล่านักเศรษฐศาสตร์ เตือนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงหากสหรัฐฯต้องผิดนัดชำระหนี้ “ความล้มเหลวในการขยายเพนดานหนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และหากมันยืดเยื้อ ก็เกือบแน่นอนว่ามันจะเหนี่ยวรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” โอลิเวอร์ บลันชาร์ด ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศระบุในวันอังคาร (8) “แต่ผลกระทบของความล้มเหลวในการจ่ายหนี้จะสามารถรู้สึกได้อย่างทันทีทันใด มันจะก่อความยุ่งเหยิงในตลาดเงินทั้งในสหรัฐฯและต่างแดน”
ทั้งนี้กว่า 1 สัปดาห์ หลังจากสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วน ผลกระทบก็เริ่มแผ่ลามไปถึงภาคเอกชนแล้ว ด้วยล็อกฮีด มาร์ติน บริษัทผู้รับเหมาด้านกลาโหมของอเมริกา แถลงยืนยันเมื่อวันจันทร์ (7) ถึงแผนพักงานพักงานหลายพันคน
ล็อกฮีด มาร์ติน ผู้รับเหมาผลิตเครื่องบินขับไล่ F-35 เผยว่าทางบริษัทจำเป็นต้องให้พนักงาน 2,400 คนพักงานอยู่ที่บ้านโดยไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ จากเดิมที่คาดหมายไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอาจต้องมีการพักงานลูกจ้างมากกว่า 3,000 คน ตามหลังการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางแห่ง สืบเนื่องจากทางตันด้านงบประมาณในสภาคองเกรส
ปัญหาการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นมา เป็นผลให้ลูกจ้างพลเรือนของกระทรวงกลาโหมราว 350,000 คนได้รับอนุญาตให้ลาพักโดยไม่ได้รับเงินเดือน แต่ในวันเสาร์ (5) ทางกลาโหมตัดสินใจเรียกพวกเขาเกือบทั้งหมดกลับมาทำงานอีกครั้ง ด้วยมีความเห็นว่าเหล่านั้นเป็นพนักงานที่มีความจำเป็น ดังนั้นจึงได้รับการยกเว้น
อย่างไรก็ตาม ทาง ล็อกฮีต ระบุว่างานของพวกเขาก็ยังได้รับผลกระทบอยู่ดี จากการที่พนักงานซึ่งถูกจัดให้อยู่ในหมวดไม่มีความจำเป็นนั้นถูกสั่งให้หยุดงาน “การตัดสินใจของกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ขจัดผลกระทบของการปิดหน่วยงานรัฐบาลต่อลูกจ้างและธุรกิจของบริษัท” ล็อกฮีต ระบุในถ้อยแถลง “พนักงานของบริษัทราวๆ 2,400 คน ยังไม่สามารถทำงานได้ เพราะว่าศูนย์ข้าราชการพลเรือนที่พวกเขาปฏิบัติหน้าที่นั้นปิดทำการ หรือไม่เราก็ไม่ได้คำสั่งระงับดำเนินโครงการต่างๆ ไปก่อน”