FN จ่อผุดเอาท์เลทอีสาน เตรียมแผนขยายงานรอบด้าน ทั้งเปิดโรงงานผลิตสินค้าเพิ่มและแตกไลน์ธุรกิจลงทุนโครงการเอาท์เลทรูปแบบใหม่ เล็งใช้มาเลเซียเป็นฐานรับเออีซี พร้อมจัดงบการตลาดครั้งแรกร่วม 20 ล้านบาทจัดงานใหญ่จำหน่ายสินค้าราคาลดกระหน่ำ 75-80% ในโอกาสครบรอบ 15 ปีของบริษัท
นายปรีชา ส่งวัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด ผู้บริหารธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบศูนย์จำหน่ายสินค้าสำหรับการส่งออก (แฟคตอรี่ เอาท์เลท) รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์จำหน่ายสินค้า FN OUTLET ทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ เพชรบุรี กาญจนบุรี พัทยา ปากช่อง สิงห์บุรี หัวหิน และศรีราชา โดยมีสินค้าที่จำหน่ายหลากหลายชนิดในราคาต่ำกว่าการจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปประมาณ 50% ตั้งแต่ระดับราคา 200-20,000 บาท อาทิ เสื้อผ้าเด็กและผู้ใหญ่ เครื่องนอน เครื่องครัว เครื่องแก้ว เครื่องหนัง กระเป๋าเดินทาง ของตกแต่งบ้าน และอื่นๆ
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายภายในเอาท์เลททั้ง 7 สาขาเป็นสินค้าส่งออกที่บริษัทผลิตในลักษณะรับจ้างช่วงการผลิต (OEM) และรับผลิตโดยออกแบบผลิตภัณฑ์เอง (ODM) รวมทั้งการผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเองคือ Fly Now ที่ไม่ได้วางจำหน่ายในประเทศ โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายประมาณ 30-40% ขณะที่มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 60-70% ไปยังกลุ่มประเทศยุโรป
“ศูนย์จำหน่ายสินค้าแต่ละแห่งใช้งบลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาทบนพื้นที่ตั้งแต่ 3,000-10,000 ตารางเมตร ขณะที่ลูกค้าแต่ละสาขาส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายเติบโตปีละประมาณ 5-10% ส่วนในปี 2556 แม้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังคงซบเซาทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดต่ำลงอันเนื่องมาจากนโยบายรถยนต์คันแรก ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และอื่นๆ แต่บริษัทก็คาดว่าจะยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้เท่าเดิม เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนชั้นระดับกลางที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย”
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยลบด้านต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอาจส่งผลให้บริษัทมียอดการส่งออกลดลงประมาณ 10% ในปี 2556 บริษัทจึงมีแผนที่จะลดปริมาณการผลิตในลักษณะ ODM เพื่อหันมาผลิตแบรนด์ของตัวเองเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และเตรียมความพร้อมในการขยายงานทุกๆ ส่วน ทั้งการขยายสาขาเพิ่มในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการลงทุนสร้างศูนย์จำหน่ายสินค้าในประเทศมาเลเซียเพื่อรองรับการเปิดตัวของเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เนื่องจากเห็นว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อใกล้เคียงกับคนไทยทั้งยังมีกำลังซื้อที่ค่อนข้างสูงกว่า
นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมแตกไลน์ธุรกิจด้วยการเปิดโรงงานผลิตสินค้าใหม่เพิ่มอีกประมาณ 2-3 ประเภทเพื่อสร้างความหลากหลายให้ศูนย์จำหน่ายสินค้าทั้ง 7 สาขา ขณะเดียวกันยังมีโครงการลงทุนก่อสร้างเอาท์เลทในรูปแบบใหม่ที่มีความแตกต่างจากเอาท์เลท หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไปโดยคาดว่าจะสรุปผลได้ในอนาคตอันใกล้นี้
“ผู้บริโภคยุคปัจจุบันถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่ฉลาดซื้อและมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใกล้เคียงกับชาวยุโรปมากขึ้น เนื่องจากหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพมากกว่าแบรนด์เนม ทำให้เอื้อต่อการดำเนินงานของบริษัทซึ่งเน้นเรื่องแฟชั่นเป็นหลักและถือว่ามีจุดแข็งทั้งในเรื่องการผลิตสินค้าคุณภาพมาตรฐานและมีความเข้าใจผู้บริโภคในทุกๆ ด้าน”
นายปรีชา กล่าวด้วยว่า ในปี 2556 ถือเป็นปีที่ 15 ในการดำเนินงานของบริษัท จึงได้มีการใช้งบประมาณ 15-20 ล้านบาทในการจัดงาน “ลด สุด คุ้ม ในรอบ 15 ปี” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทใช้งบประมาณการตลาดจัดงานในลักษณะนี้ โดยภายในงานจะมีการจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิดในราคาลดพิเศษ 75-80% คิดเป็นสินค้าของบริษัทประมาณ 60-70% ส่วนที่เหลือ 30-40% เป็นสินค้าแบรนด์เนมจากพันธมิตร อาทิ อาดิดาส เกรย์ฮาวด์ และอื่นๆ โดยกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. – 3 พ.ย.ศกนี้ ณ ฮอลล์ 4 อิมเพคอารีน่า เมืองทองธานี