บริษัทแบล็คร็อครายงานว่า ตราสารอ้างอิงราคา (ETP) สินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้างได้รับความนิยมจากนักลงทุนในไตรมาส 3 โดยดึงดูดเงินลงทุนได้ราว 712 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ในขณะที่นักลงทุนต้องการซื้อสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มได้รับผลบวกจากการที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วขึ้น
ETP หุ้นยังคงปรับตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดึงดูดเงินลงทุนได้ราว 2.87 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ย. ในขณะที่ ETP ตราสารหนี้ มีเงินลงทุนไหลเข้า 6.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ETP ทั่วโลกมีเงินลงทุนไหลเข้า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี ยังคงมีเงินลงทุนไหลออกจาก ETP ทอง โดย ETP ทองมีเงินลงทุนไหลออก 1.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. และมีเงินลงทุนไหลออก 4.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ถึงแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศในวันที่ 18 ก.ย.ว่า เฟดจะยังคงขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้ในอัตรา 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อ เดือนต่อไป
นายด็อดด์ คิทส์ลีย์ หัวหน้าฝ่ายวิจัย ETP ของแบล็คร็อคกล่าวว่า "เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ราคาทองเผชิญแรงกดดันเป็นอย่างมาก โดยราคาทอง ดิ่งลงราว 4.9% ในเดือนก.ย."
นายคิทส์ลีย์กล่าวว่า "ในระยะอันสั้นนั้น ราคาทองอาจแกว่งตัวผันผวนในระดับปัจจุบันต่อไป ในขณะที่ราคาทองยังคงเผชิญกับปัจจัยลบ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดขนาด QE ลงในช่วงต่อไปในปีนี้"
มูลค่าของ ETP ปรับตัวตามความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ที่ใช้อ้างอิงโดย ETP ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในการเข้ามาลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และช่วยให้ผู้จัดการสินทรัพย์สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างรวดเร็ว
นายนิโคลัส บรูคส์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนและการวิจัยของบริษัทอีทีเอฟ ซีเคียวริตีส์กล่าวว่า การที่ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตอยางแข็งแกร่งเป็นสองปัจจัยที่ช่วยหนุนกระแสเงินลงทุนจำนวนมากให้ไหลเข้าสู่ ETP สินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้างในเดือนก.ย.
นายบรูคส์กล่าวว่า "ในช่วงระยะนี้นักลงทุนกำลังมองหาสินทรัพย์ที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจอย่างเชื่องช้า และสินค้าโภคภัณฑ์ก็เข้าข่ายนี้" และเขากล่าวเสริมว่า "ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากในปีนี้ และนักลงทุนบางรายก็เชื่อว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจปรับขึ้นมากเกินไป ดังนั้นนักลงทุนจึงมองหาสินทรัพย์อื่นๆที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ได้พุ่งขึ้นมากนัก"
ส่วนการซื้อทองสุทธิของจีนจากฮ่องกงร่วงลง 5% ในเดือนส.ค.จากเดือนก.ค. แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 100 ตันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันขณะที่อุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับอัญมณีและทองแท่งยังคงดำเนินต่อไปในจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำแท่งรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติและสำมะโนประชากรของฮ่องกงบ่งชี้ว่า การนำเข้าทองสุทธิของจีนซึ่งไม่รวมการนำเข้าโดยฮ่องกงนั้นอยู่ที่ระดับ 110.505 ตันในเดือนส.ค. ลดลงจาก 116.385 ตันในเดือนก.ค.
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
ETP หุ้นยังคงปรับตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดึงดูดเงินลงทุนได้ราว 2.87 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ย. ในขณะที่ ETP ตราสารหนี้ มีเงินลงทุนไหลเข้า 6.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ETP ทั่วโลกมีเงินลงทุนไหลเข้า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี ยังคงมีเงินลงทุนไหลออกจาก ETP ทอง โดย ETP ทองมีเงินลงทุนไหลออก 1.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. และมีเงินลงทุนไหลออก 4.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ถึงแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศในวันที่ 18 ก.ย.ว่า เฟดจะยังคงขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้ในอัตรา 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อ เดือนต่อไป
นายด็อดด์ คิทส์ลีย์ หัวหน้าฝ่ายวิจัย ETP ของแบล็คร็อคกล่าวว่า "เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ราคาทองเผชิญแรงกดดันเป็นอย่างมาก โดยราคาทอง ดิ่งลงราว 4.9% ในเดือนก.ย."
นายคิทส์ลีย์กล่าวว่า "ในระยะอันสั้นนั้น ราคาทองอาจแกว่งตัวผันผวนในระดับปัจจุบันต่อไป ในขณะที่ราคาทองยังคงเผชิญกับปัจจัยลบ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดขนาด QE ลงในช่วงต่อไปในปีนี้"
มูลค่าของ ETP ปรับตัวตามความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ที่ใช้อ้างอิงโดย ETP ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในการเข้ามาลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และช่วยให้ผู้จัดการสินทรัพย์สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างรวดเร็ว
นายนิโคลัส บรูคส์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนและการวิจัยของบริษัทอีทีเอฟ ซีเคียวริตีส์กล่าวว่า การที่ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตอยางแข็งแกร่งเป็นสองปัจจัยที่ช่วยหนุนกระแสเงินลงทุนจำนวนมากให้ไหลเข้าสู่ ETP สินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้างในเดือนก.ย.
นายบรูคส์กล่าวว่า "ในช่วงระยะนี้นักลงทุนกำลังมองหาสินทรัพย์ที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจอย่างเชื่องช้า และสินค้าโภคภัณฑ์ก็เข้าข่ายนี้" และเขากล่าวเสริมว่า "ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากในปีนี้ และนักลงทุนบางรายก็เชื่อว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจปรับขึ้นมากเกินไป ดังนั้นนักลงทุนจึงมองหาสินทรัพย์อื่นๆที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ได้พุ่งขึ้นมากนัก"
ส่วนการซื้อทองสุทธิของจีนจากฮ่องกงร่วงลง 5% ในเดือนส.ค.จากเดือนก.ค. แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 100 ตันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันขณะที่อุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับอัญมณีและทองแท่งยังคงดำเนินต่อไปในจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำแท่งรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติและสำมะโนประชากรของฮ่องกงบ่งชี้ว่า การนำเข้าทองสุทธิของจีนซึ่งไม่รวมการนำเข้าโดยฮ่องกงนั้นอยู่ที่ระดับ 110.505 ตันในเดือนส.ค. ลดลงจาก 116.385 ตันในเดือนก.ค.
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group