เอเอฟพี-ชาวอเมริกันส่วนมากไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เกิน 100 ปี และผลสำรวจที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอังคาร(6)ยังระบุว่า พวกเขาจำนวนมากกังวลว่าเทคโนโลยี ชะลอความชราลงท้ายจะกลายเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟื่อยเฉพาะสำหรับคนรวยในที่สุด
การสำรวจตัวอย่างประชากรกว่า 2,000 คน โดยโครงการศาสนาและชีวิตสาธารณของศูนย์วิจัยพิวคราวนี้เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้คนในแง่ของการมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
ในปัจจุบัน ประชากรที่เป็นผู้สูงอายุกำลังมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในจำนวนประชากรชาวอเมริกันทั้งหมด ชาวอเมริกันประมาณ 41 ล้านคนมีอายุ 65 ปีหรือมากกว่า มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 13เปอร์เซ็นต์จากจำนวนประชากร โดยเพิ่มจาก 4 เปอร์เซ็นต์ ในปี 1900
ในปี 2050 ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 20 เปอร์เซ็น จากการคาดการณ์ของสำนักงานสำมะโนประชากร
รายงานการสำรวจของศูนย์วิจัยพิวระบุว่า ส่วนข้างมากของประชากรวัยผู้ใหญ่ของเมริกา (56เปอร์เซ็นต์)กล่าวว่า พวกเขาเลือกที่จะไม่ใช้บริการทางการแพทย์ที่ชะลอความแก่และสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 120ปีหรือมากกว่า ในขณะที่ผู้คนอีก 38 เปอร์เซ็นต้องการวิธีดังกล่าว จากรายงานศูนย์วิจัยพิว
ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ยของชาวอเมริกันอยู่ที่ 78.7 ปี ผลสำรวจชี้ว่ามากกว่า2ใน3ของผู้ตอบคำถามกล่าวว่า พวกเขาต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวกว่านั้น นั่นคือประมาณ 79-100 ปี
ค่ามัธยฐานหรือค่ากลางของอายุขัยที่พวกเขาต้องการคือ 90 ปี ซึ่งมากกว่าอายุขัยค่าเฉลี่ยปัจจุบันของชาวอเมริกันประมาณ 11 ปี
สำหรับคำถามที่ว่าการรักษาทางการแพทย์ในปัจจุบันนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ในการช่วยให้ผุ้คนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผลสำรวจระบุว่า 54 เปอร์เซ็นต์ตอบว่าเห็นด้วย และอีก 41 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่ามัก"แก้ปัญหาพอๆกับสร้างปัญหา"
นอกจากนั้นยังมีความกังวลที่สำคัญเกี่ยวกับ เทคโนโลยียืดอายุคนจะใช้งานอย่างไร และใช้กับใคร
ผลสำรวจออกมาว่า 79เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่า ทุกๆคนควรได้รับการบริการทางการแพทย์ที่ช่วยชะลอความชรานี้
อย่างไรก็ตาม จำนวน2ใน3ของผู้ตอบคำถามกล่าวว่า ในทางปฎิบัติแล้ว คงมีแค่คนรวยเท่านั้นที่จะเข้าถึงบริการนี้ได้
สองในสามเช่นกันเห็นว่าการมีชีวิตที่ยืนยาวนั้นอาจจะทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้น และยังเชื่อว่า "แพทย์จะเสนอบริการดังกล่าว ก่อนที่ผู้ใช้บริการจะเข้าใจผลกระทบต่อร่างกายด้วยซ้ำ"
ในแง่ของคำถามที่ว่าเศษฐกิจจะเติบโตขึ้นหากผู้คนทำงานได้นานขึ้นจริงหรือไม่ ปรากฎว่าจำนวนผู้เห็นด้วยกับจำนวนผู้ที่ไม่เห็นด้วยใกล้เคียงกัน โดยผู้คน 44 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยในขณะที่ 53 เปอร์เซ็นต์ปฎิเสธความคิดนี้
สำหรับประเด็นทางด้านสุขภาพบางประเด็น ปรากฎว่าชาวอเมริกันมีความเชื่อในทางดีว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์จะสามารถสร้างผลงานที่ดีในอนาคตโดยผลสำรวจชี้ว่า7ใน10กล่าวว่าพวกเขาคาดหมายว่าจะสามารถรักษามะเร็งเกือบทุกชนิดภายในปี 2050 และ71เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า จะมีการประดิษฐ์แขนและขาเทียมที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าอวัยวะจริง
รายงานระบุว่า "โดยสรุปแล้วความคิดของสาธารณชนนั้นมีแนวโน้มที่จะเห็นว่าการแพทย์สมัยใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยที่ช่วยยืดอายุชีวิตนั้นเป็นสิ่งดีดี (63%)แทนที่จะมองว่าเป็นการแทรกแซงวงจรชีวิตตามธรรมชาติ (32%)"
รัฐบาลประมาณการว่าภายในปี 2050 จะมีชาวอเมริกันอย่างน้อย 400,000 คนที่มีอายุ100ปี หรือมากกว่านั้น
ปรากฎว่ามีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า แนวโน้มที่จะมีประชากรผู้สูงอายุมากขึ้นเป็นเรื่องที่แย่
ผลสำรวจชี้ว่าจำนวน1ใน4คิดว่า เทคโนโลยีชะลอความชราที่จะทำให้ค่าเฉลี่ยอายุของผู้คนอยู่ที่ 120 ปีขึ้นไปนั้นน่าจะเกิดขึ้นได้ภายในปี 2050
การสำรวจคราวนี้กระทำทางโทรศัพท์ระหว่าง 21 มีนาคมถึง 8 เมษายนโดยใช้ตัวอย่างประชากรวัยผู้ใหญ่เชื้อชาติต่างๆจำนวน 2,012 คน และมีค่าความผิดพลาดบวกลบที่ 2.9 เปอร์เซ็นต์