เริ่มต้นสัปดาห์ที่สองของ US Government Shutdown โดยย่างเข้าวันที่ 8 แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเดโมแครทกับรีพับลิกันจะยอมถอยเงื่อนไขของแต่ละฝ่ายทั้งนี้ โอบามา ยังยืนยันว่าจะไม่ร่วมต่อรองกับรีพับลิกันที่ใช้หลักประกันสุขภาพของรัฐบาล (Qbamacare) มาเป็นเงื่อนไขในการเพิ่มเพดานหนี้หรือยุติการปิดหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภาฝ่ายเดโมแครตกำลังเตรียมหาทางขยายเพดานหนี้โดยไม่ต้องอาศัยการลงมติจากสภาผู้แทนฯ
Zhu Guangyao รมช.คลังของจีน เตือนว่า จีนเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และขอให้โอบามาใช้มาตรการที่เด็ดขาดเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ให้ได้
ผู้นำกลุ่มเอเปกปิดการประชุมซัมมิตประจำปีที่เกาะบาหลีแล้ว โดยประกาศความร่วมมือในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้ภูมิภาคนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับการค้า กับประกาศความร่วมมือที่จะสร้างเสถียรภาพให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และแสดงความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอเกินไปทั้งยังมีความเสี่ยงขาลงจากการชะลอตัวและเสียสมดุลของโลกมากกว่าที่คาด ทั้งนี้ จีนระบุว่า ข้อตกลง “ทีพีพี” ที่อเมริกาพยายามผลักดันหลังจบประชุม APEC มีแต่มุ่งเอื้อประโยชน์แก่ชาติมั่งคั่ง
บริษัทวิจัยการลงทุน IHS Inc. ประเมินว่า การปิดหน่วยงานภาครัฐบางส่วนได้ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อสหรัฐไปแล้วกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์(0.1% ของ GDP) ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนที่ต้องจะดำเนินธุรกิจต่อได้เมื่อหน่วยงานรัฐบาลเปิดทำการ
สินเชื่อผู้บริโภคสหรัฐเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน นำโดยสินเขื่อไม่หมุนเวียน เช่น สินเชื่อรถยนต์ และเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา แต่ยอดใช้บัตรเครดิตยังคงลดลงต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายจากความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจ
IMF ระบุว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินในประเทศพัฒนาแล้วอาจก่อให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดการเงินทั่วโลกจากความเสี่ยงที่กระแสเงินลงทุนอาจไหลออกอย่างฉับพลันในระดับที่ ธ.กลาง ไม่สามารถควบคุมได้ จึงจำเป็นที่แต่ละประเทศต้องเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและเตรียมปริมาณเงินเพิ่มขึ้นสำหรับใช้รับมือกับเหตุร้ายแรงทางเศรษฐกิจ
ยอดเกินดุลการค้าเยอรมนีเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ 1.56 หมื่นล้านยูโรจาก 1.50 หมื่นล้านยูโรในเดือน ก.ค. เนื่องจากยอดส่งออกเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน
ธ.กลาง ฝรั่งเศส ปรับลดคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 เป็นขยายตัวได้ 0.1% จากเดิมที่เป็น 0.2% เนื่องจากความเชื่อมั่นภาคธุรกิจทั้งในภาคผลิตและบริการยังไม่ส่งสัญญาณปรับตัวขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของออสเตรเลียเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นสู่ 12 อันเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี จากเดิมเป็นเพียง 4 ในเดือน ส.ค. ด้วยปัจจัยเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง การเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ และการบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
มาร์กิต/เอชเอสบีซี รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ของจีนเดือน ก.ย.ลดลงสู่ 52.4 จาก 52.8 ในเดือน ส.ค.เพราะคาดการณ์ว่าธุรกิจจะอ่อนแอลง จึงต้องระวังว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเชื่องช้าต่อไป เนื่องด้วยภาคบริการครองสัดส่วนถึง 45% ของเศรษฐกิจ และเป็นภาคที่มีการจ้างงานมากที่สุด
ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นเดือน ส.ค.เป็น 1.615 แสนล้านเยน ลดลง 63.7% เมื่อเทียบปีก่อน เพราะรายได้จากการลงทุนต่างประเทศลดลง และขาดดุลการค้าต่อเนื่อง
ธ.กลางอินโดนีเซีย มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 7.25% เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและค่าเงินรูเปียห์คลี่คลายลง หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 1.50% ในเดือน พ.ค.
ธ.กลางอินโดนีเซีย คาดว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 3.4% ของ GDP (ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ที่เป็น 4.4%) เพราะยอดการนำเข้าลดลงตามอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัว และรูเปียห์ที่อ่อนค่าลงจนสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไปแล้ว
สภาพัฒน์ฯ รายงานต่อ ครม.ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ 3.8%-4.3% ในปีนี้ (จากเดิมที่ 4.2%-5.2%) ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 2.3%-2.8%ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นทั้งด้านการผลิต การส่งออก และการบริโภค แต่ช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีความเสี่ยงจากน้ำท่วม กับสถานการณ์นอกประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา
ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทในวาระแรกแล้ว ซึ่งส.ว.ส่วนใหญ่สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศแต่ห่วงเรื่องการใช้หนี้คืน เรื่องการทุจริตคอรัปชั่น และเรื่องความคุ้มค่าของการลงทุนโดยขอให้รัฐบาลศึกษารายละเอียดของแต่ละโครงการให้ชัดเจน
SET Index ปิดที่ 1,434.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.44 จุด (+1.37%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 35,917 ล้านบาท โดยยังผันผวนจากปัจจัยเดิม ได้แก่ การขยายเพดานหนี้สหรัฐที่มีข่าวว่าเดโมแครตเริ่มมองหาทางออกด้านอื่นๆ ในการขยายเพดานหนี้โดยไม่ต้องขอมติจากคองเกรส รวมถึงคาดว่าจะมีรายงานผลการประชุม FOMC เมื่อเดือน ก.ย.ว่า FED จะยังคงดำเนินมาตรการ QE ต่อ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลงเล็กน้อยทุกรุ่นในช่วง -0.01% ถึง 0.00% ด้วยการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร