BBVA Research คาดว่า เศรษฐกิจสเปนในไตรมาส 3 จะขยายตัว 0.0%-0.1% และจะขยายต่อเนื่องไปอีก 6 ไตรมาส จากความตึงตัวทางการเงินที่ลดลง การส่งออกที่เพิ่มขึ้น กับการคุมเข้มทางการคลังที่ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานที่ยังสูงมากอาจกระทบกับการบริโภคภายในประเทศได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยกระตุ้นการจ้างงานต่อไป
รมว. คลังสโลเวเนีย ระบุว่า ระบบธนาคารของสโลเวเนียกำลังประสบภาวะอ่อนแอและปราศจากความเชื่อมั่น จากหนี้เสียถึง 7.5 พันล้านยูโร (มากกว่า 5 เท่าของ GDP)อาจส่งผลให้เป็นประเทศต่อไปที่ต้องขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือน ส.ค.ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 0.7% จาก 0.6% ในเดือน ก.ค. โดยตลาดแรงงานและคำสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เจมส์ บูลลาร์ด ประธาน FED สาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่า การเดินหน้าใช้มาตรการQE ต่อได้เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับ FED เพราะเป็นการแสดงความรอบคอบในการให้ความสำคัญกับตัวเลขทางเศรษฐกิจในการตัดสินใจเชิงนโยบายแต่ละครั้ง อีกทั้งที่ผ่านมา FED ก็ไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการประชุมเดือน ก.ย. แต่เป็นการคาดการณ์ไปเองของตลาด อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่า FED อาจลดขนาดวงเงินซื้อสินทรัพย์ลงเล็กน้อยในการประชุมครั้งหน้า (29-30 ต.ค.) หากการจ้างงานส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง
IMF เรียกร้องให้สหรัฐยุติความขัดแย้งเรื่องงบประมาณและเพดานหนี้โดยเร็วเพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นทั้งต่อตลาดเงินและต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง หลังจากที่ความไม่แน่นอนในเรื่องงบประมาณเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ FED ตัดสินใจคงขนาดมาตรการ QE ต่อไป
ซีเรียส่งรายละเอียดอาวุธเคมีให้องค์กรห้ามการใช้อาวุธเคมี (OPCW) เพื่อให้ตรวจสอบตามข้อเสนอของสหรัฐและรัสเซียแล้ว โดยจะมีการทำลายอาวุธทั้งหมดภายในกลางปีหน้า
ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า การฟื้นตัวของงเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานและการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม BOJ จะยังคงเดินหน้ามาตรการเข้าซื้อพันธบัตรจำนวนมากต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อรับประกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นและยั่งยืนอยู่ที่ 2% ซึ่งจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้
ธ.กลางอินเดีย (RBI) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2011 มาอยู่ที่ 7.50% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และลดสัดส่วนเงินสำรองเงินที่ ธ. พาณิชย์ ต้องฝากกับธนาคารกลางจาก 99% เหลือ 95% เพื่อไม่ให้สภาพคล่องตึงตัวและช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับค่าเงินรูปี
ที่ประชุมสภาผู้แทนไทยมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. กู้เงินฯ ซึ่งให้ ก.คลังกู้เงินในกรอบไม่เกิน 2 ล้านล้านบาทภายใน 7 ปี เพื่อนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งนี้ พ.ร.บ. ดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อนนายกฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ
SET Index ปิดที่ 1,486.76 จุด ลดลง 2.30 จุด หรือ -0.15% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 44,462.75 ล้านบาท โดยดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันจากปัจจัยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลางอินเดีย ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาด ประกอบกับเป็นการขายทำกำไรเพราะตลาดปรับตัวขึ้นมาแรงในวันก่อนหลังจากที่ FED คงวงเงินในมาตรการ QE
สำหรับปัจจัยที่ควรติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ การเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีซึ่งคาดว่า แองเจลา แมร์ เคล จะได้รับเลือกให้ กลับเข้ามาเป็นนายกฯ อีกสมัย
มาริสสา เมเยอร์ CEO ของ Yahoo เป็นสตรีคนแรกที่ได้อันดับ 1 จากการจัดอันดับ 40 ผู้บริหารที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี ของนิตยสาร Fortune จากความพยายามปฏิวัติองค์กร Yahoo จนประสบความสำเร็จทั้งในด้านจำนวนผู้ใช้และรายได้ ตามมาด้วยแจ๊ค ดอว์ซีย์ ผู้ก่อตั้ง Twitter และ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก จาก Facebook
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุประมาณ -0.06% ถึง -0.01% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 179,413 ล้านบาทจากแรงซื้อของทั้งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร
Goldman Sachs ระบุว่า ราคาทองคำในระยะสั้นกำลังอยู่ในขาขึ้นจากการที่ FED เดินหน้ามาตรการ QE และความเสี่ยงจากการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐโดยระบุว่าราคาทองคำได้เร่งตัวกลับขึ้นมาสู่ระดับก่อนการประชุม FOMC ในเดือน มิ.ย. จากการเก็งกำไรประกอบกับอุปสงค์ของตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาทองคำจะอยู่เข้าสู่ขาลงในช่วงปีหน้าสู่ระดับคาดการณ์ที่ 1,050 ดอลล่าร์/ออนซ์เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าฟื้นตัวจริง จึงไม่มีความจำเป็นที่ FED จะต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายอีกต่อไป
Warren Buffet “FED เปรียบเสมือนเฮดฟันด์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีจากขนาดของงบดุลที่มากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่สามารถลงทุนได้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับการเลือกช่วงเวลาเท่านั้น ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา FED ทำกำไรจากการซื้อขายพันธบัตรและมีรายได้ประมาณ 8-9 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งยังนำส่งเงินเข้าคลังได้ 8.84 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับแต่ FED ได้มีการขยายงบดุลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา”
Morgan Stanley “เป็นเรื่องปกติที่มติของ FOMC จะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเพราะหากเป็นไปตามที่ตลาดคาดทุกครั้งการประชุม FOMC คงจะไม่ใช่เหตุการณ์สำคัญอะไร หลายคนคิดว่า FED จะตัดสินใจลดขนาดมาตรการ QE ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาด้วยเหตุผลเรื่อง “ความน่าเชื่อถือ” หลังจากที่ FED เคยส่งสัญญาณว่าอาจลดวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์ในช่วงปีนี้หากตัวเลขทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มเป็นไปตามที่คณะกรรมการคาดการณ์ไว้ และน่าจะยกเลิกการดำเนินมาตรการได้ในช่วงกลางปีหน้า ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าการตัดสินใจด้านนโยบายของ FED จะขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อตอบสนองการคาดการณ์ของตลาดหรือใช้ “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งไม่ใช่เหตุผลทางเศรษฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
Bill Fleckenstein “FED วางยาตลาดด้วยการพูดถึงกลยุทธ์ยกเลิกมาตรการ QE มาตั้งแต่ปี 2552 แล้ว แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะลดขนาดของมาตรการ (QE Tapering) ได้เลย มีแต่นักลงทุนที่ไม่เชื่อมั่นใน FED เท่านั้นที่สามารถทำกำไรจากสถานการณ์นี้ได้
ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐผันผวนอย่างหนักโดยอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 1.6% มาแตะที่ระดับสูงสุดถึง 3% แม้ตอนนี้ความผันผวนจะคลี่คลายลงแต่ก็คาดว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเกิดขึ้นอีก โดย FED จะอ้างว่าเป็นเพราะลดขนาด QE ไม่ได้ เพราะยังไม่ได้มีการ taper ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าFED จะไม่สามารถควบคุมตลาดพันธบัตรได้อีกต่อไป และจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดไม่เป็นในทิศทางที่ FED ต้องการ ทั้งนี้ ถ้าเป็นจริงก็ามารถเรียกได้ว่า หายนะกำลังบังเกิดแล้ว