ผู้บริโภคสหรัฐชะลอการซื้อรถยนต์ใหม่ในเดือนก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้แล้ว โดยบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยยอดขายรถยนต์ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส โค (GM) เปิดเผยตัวเลขที่ต่ำเกินคาด
บริษัทออโต้ดาต้ารายงานว่า อัตราการขายรถยนต์ในเดือนก.ย. ในสหรัฐอยู่ที่ 15.28 ล้านคันต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และดิ่งลงเป็นอย่างมากจากระดับ 16.09 ล้านคันต่อปีใน เดือนส.ค. แต่ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายราย
ยอดขายรถยนต์โดยรวมในสหรัฐอยู่ที่ 1.14 ล้านคันในเดือนก.ย. ปีนี้ โดยดิ่งลง 4.2 % จากเดือนก.ย.2012 โดยการดิ่งลงแบบเทียบรายปีในครั้งนี้ถือเป็นการร่วงลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี อย่างไรก็ดีเดือนก.ย.ปีนี้มีวันช้อปปิ้งน้อยกว่าเดือนก.ย.ปีที่แล้ว 2 วัน และช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันแรงงานของปีนี้ก็ตรงกับเดือนส.ค.ในบางวันด้วย
อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐตั้งข้อสงสัยว่า ยอดขายรถยนต์ในเดือน ต.ค.จะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์)
นักวิเคราะห์และผู้บริหารบริษัทรถยนต์แสดงความเชื่อมั่นว่า ยอดขายรถจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางในระยะสั้น โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ GM และฟอร์ดระบุว่า ความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้สหรัฐในปี 2011 ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อยอดขายในช่วงกลางปี 2011
นายเคน ซูเบย์ รองประธานฝ่ายการตลาดสหรัฐของฟอร์ดกล่าวว่า "เราจะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนวุ่นวายนี้ไปได้ ตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงส่งผลบวกต่อธุรกิจนี้ และเราก็คาดว่าปัจจัยพื้นฐานจะส่งผลบวกต่อไปตลอดทั้งปีนี้และในปีหน้า"
ยอดขายรถของฟอร์ดอยู่ที่ 185,186 คันในเดือนก.ย. โดยพุ่งขึ้น 5.8 % จากเดือนเดียวกันในปีก่อน และอยู่ต่ำกว่ายอดขายของ GM ที่ครองอันดับหนึ่งเพียง 2,000 คันเท่านั้น โดยยอดขายของฟอร์ดได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถกระบะ
ยอดขายของ GM ดิ่งลง 11 % สู่ 187,195 คัน โดย GM ระบุว่าบริษัทตัวแทนจำหน่ายของ GM มีสต็อกรถกระบะขนาดใหญ่อยู่ในระดับไม่มากนัก โดยในช่วงนี้ GM ยังคงเพิ่มการผลิตรถกระบะเชฟโรเล็ต ซิลเวอราโด และ GMC รุ่นใหม่สำหรับปี 2014 พร้อมกับระบายสต็อกรถรุ่นปี 2013 ออกไป
ยอดขายรถกระบะซิลเวอราโดดิ่งลง 10.8 % ในเดือนก.ย.ในขณะที่ยอดขายรถฟอร์ด เอฟ-ซีรีส์ ซึ่งเป็นคู่แข่งของซิลเวอราโดพุ่งขึ้น 9.8 %
GM ระบุว่า การที่ยอดขายดิ่งลงในเดือนก.ย.มีสาเหตุมาจากการลดลงของยอดขายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ และการปรับลดมาตรการจูงใจสำหรับการค้าปลีก
บริษัทไครสเลอร์ กรุ๊ปเปิดเผยยอดขายที่ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในเดือนก.ย. แต่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป, ฮอนด้า มอเตอร์ โค, นิสสัน มอเตอร์ โค และฮุนได มอเตอร์ โคเปิดเผยยอดขายที่ต่ำเกินคาด
ไครสเลอร์ซึ่งอยู่ในเครือบริษัทเฟียตของอิตาลีรายงานว่า ยอดขายพุ่งขึ้น 1 % สู่ 143,017 คัน ซึ่งถือเป็นยอดขายที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ในปีก่อนๆในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
ยอดขายของโตโยต้าดิ่งลง 4.3 % สู่ 164,457 คัน, ยอดขายของฮอนด้ารูดลง 9.9 % สู่ 105,563 คัน, ยอดขายของนิสสันดิ่งลง 5.5 % สู่ 86,868 คัน และยอดขายของฮุนได-เกียทรุดลง 13.9 % สู่ 93,105 คัน
นายอเล็กซ์ กูเตียเรซ นักวิเคราะห์ของบริษัทเคลลีย์ บลู บุ๊ค กล่าวว่า "เราคาดว่ายอดขายรถจะได้รับแรงหนุนต่อไป แต่จะไม่รวดเร็วเท่ากับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยเราเชื่อว่ายังคงมีความเป็นไปได้ที่ยอดขายในสหรัฐในปีนี้อาจอยู่ที่ 15.6 ล้านคันเหมือนที่เราคาดการณ์ไว้"
ยอดขายรถยนต์เมื่อจำแนกตามยี่ห้อต่างๆอยู่ในระดับที่ไร้ทิศทาง
ยอดขายรถยี่ห้อด็อดจ์, ไครสเลอร์ และแรมของไครสเลอร์ปรับขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ย. แต่ยอดขายรถจี๊ปดิ่งลง 5 % ขณะที่ ไครสเลอร์ประสบปัญหาในการจัดส่งรถเชโรกีรุ่นปี 2014 สู่บริษัทตัวแทนจำหน่าย ทางด้านยอดขายรถเฟียตดิ่งลง 24 % และถือเป็นการร่วงลงเมื่อเทียบรายปีเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน
ยอดขายรถยี่ห้อฟอร์ดพุ่งขึ้น 6.3 % แต่ยอดขายรถยี่ห้อลินคอล์นดิ่งลง 5.1 % ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ยอดขายรถของบริษัทฟอร์ดในเดือนก.ย.ปีนี้ถือว่าสูงที่สุดสำหรับเดือนก.ย.นับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ส่วนยอดขายของไครสเลอร์ถือว่าสูงที่สุดสำหรับเดือนก.ย.นับตั้งแต่ปี 2007
ในส่วนของบริษัท GM นั้น ยอดขายรถยี่ห้อแคดิลแลคและบูอิคปรับขึ้นในเดือนก.ย. แต่ยอดขายรถเชฟโรเล็ตและ GMC ร่วงลงโดยเป็นผลจากการร่วงลงของยอดขายรถบรรทุก
ยอดขายรถยี่ห้อโฟล์คสวาเกนในสหรัฐดิ่งลง 12.2 % สู่ 31,920คัน ในขณะที่ยอดขายรถยี่ห้อออดี้พุ่งขึ้น 6.2 % สู่ 13,065 คัน และยอดขายรถปอร์เช่ทะยานขึ้น 13 % สู่ 3,093
ยอดขายรถยี่ห้อฮุนไดดิ่งลง 8 % สู่ 55,102 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยี่ห้อเกียรูดลง 21 % สู่ 38,003 คัน
ยอดขายรถในกลุ่ม BMW ซึ่งรวมถึงยี่ห้อมินิพุ่งขึ้น 8.3 % สู่ 28,874 คัน ส่วนยอดขายรถในกลุ่มเมอร์เซเดส-เบนซ์ซึ่งรวมถึง ยี่ห้อสมาร์ท ปรับขึ้น 5.8 % สู่ 27,474 คัน
ยี่ห้อรถหรูหราส่วนใหญ่ทำยอดขายได้อย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ย. โดยทั้ง BMW, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และออดี้ ซึ่งเป็น 3 ผู้ผลิตรถหรูหราของเยอรมนี ต่างก็รายงานว่ายอดขายพุ่งขึ้นในเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี รถยี่ห้อเล็กซัสของโตโยต้ามียอดขายดิ่งลง 4.2 %
ยอดขายรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าและระบบไฮบริดอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง โดยยอดขายรถเชฟโรเล็ต โวลต์ของ GM ร่วงลง 38.1 % สู่ 1,766 คัน แต่ยอดขายรถนิสสัน ลีฟพุ่งขึ้น 98.5 % สู่ 1,953 คัน ทั้งนี้ ยอดขายรถทั้งสองรุ่นนี้ได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดราคาครั้งใหญ่ในช่วงต้นปีนี้ แต่ยอดขายรถทั้งสองรุ่นนี้ยังคงมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่า 2,000 คันต่อเดือน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อแนวโน้มไตรมาส 4
นางอีเลน เกวย นักวิเคราะห์ของบริษัทเจฟฟรีส์ ระบุว่า "ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตราการว่างงานก็ร่วงลงสู่ 7.3 % ในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ราคาบ้านและกิจกรรมการก่อสร้างก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ"
นักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า การร่วงลงของยอดขายในเดือนก.ย.เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว
ราคาในการซื้อรถยนต์และรถบรรทุกคันใหม่โดยเฉลี่ยยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป โดยเพิ่มขึ้น 602 ดอลลาร์จากเดือนส.ค. สู่สถิติสูงสุดที่ 31,584 ดอลลาร์ต่อคันในเดือนก.ย. ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ส่งรถรุ่นปี 2014 ไปให้แก่บริษัทตัวแทนจำหน่าย และปรับลดมาตรการจูงใจสำหรับการขายรถรุ่นปี 2013 ที่ยังเหลืออยู่ในสต็อก
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
บริษัทออโต้ดาต้ารายงานว่า อัตราการขายรถยนต์ในเดือนก.ย. ในสหรัฐอยู่ที่ 15.28 ล้านคันต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และดิ่งลงเป็นอย่างมากจากระดับ 16.09 ล้านคันต่อปีใน เดือนส.ค. แต่ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายราย
ยอดขายรถยนต์โดยรวมในสหรัฐอยู่ที่ 1.14 ล้านคันในเดือนก.ย. ปีนี้ โดยดิ่งลง 4.2 % จากเดือนก.ย.2012 โดยการดิ่งลงแบบเทียบรายปีในครั้งนี้ถือเป็นการร่วงลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี อย่างไรก็ดีเดือนก.ย.ปีนี้มีวันช้อปปิ้งน้อยกว่าเดือนก.ย.ปีที่แล้ว 2 วัน และช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันแรงงานของปีนี้ก็ตรงกับเดือนส.ค.ในบางวันด้วย
อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐตั้งข้อสงสัยว่า ยอดขายรถยนต์ในเดือน ต.ค.จะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์)
นักวิเคราะห์และผู้บริหารบริษัทรถยนต์แสดงความเชื่อมั่นว่า ยอดขายรถจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางในระยะสั้น โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ GM และฟอร์ดระบุว่า ความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้สหรัฐในปี 2011 ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อยอดขายในช่วงกลางปี 2011
นายเคน ซูเบย์ รองประธานฝ่ายการตลาดสหรัฐของฟอร์ดกล่าวว่า "เราจะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนวุ่นวายนี้ไปได้ ตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงส่งผลบวกต่อธุรกิจนี้ และเราก็คาดว่าปัจจัยพื้นฐานจะส่งผลบวกต่อไปตลอดทั้งปีนี้และในปีหน้า"
ยอดขายรถของฟอร์ดอยู่ที่ 185,186 คันในเดือนก.ย. โดยพุ่งขึ้น 5.8 % จากเดือนเดียวกันในปีก่อน และอยู่ต่ำกว่ายอดขายของ GM ที่ครองอันดับหนึ่งเพียง 2,000 คันเท่านั้น โดยยอดขายของฟอร์ดได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถกระบะ
ยอดขายของ GM ดิ่งลง 11 % สู่ 187,195 คัน โดย GM ระบุว่าบริษัทตัวแทนจำหน่ายของ GM มีสต็อกรถกระบะขนาดใหญ่อยู่ในระดับไม่มากนัก โดยในช่วงนี้ GM ยังคงเพิ่มการผลิตรถกระบะเชฟโรเล็ต ซิลเวอราโด และ GMC รุ่นใหม่สำหรับปี 2014 พร้อมกับระบายสต็อกรถรุ่นปี 2013 ออกไป
ยอดขายรถกระบะซิลเวอราโดดิ่งลง 10.8 % ในเดือนก.ย.ในขณะที่ยอดขายรถฟอร์ด เอฟ-ซีรีส์ ซึ่งเป็นคู่แข่งของซิลเวอราโดพุ่งขึ้น 9.8 %
GM ระบุว่า การที่ยอดขายดิ่งลงในเดือนก.ย.มีสาเหตุมาจากการลดลงของยอดขายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ และการปรับลดมาตรการจูงใจสำหรับการค้าปลีก
บริษัทไครสเลอร์ กรุ๊ปเปิดเผยยอดขายที่ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในเดือนก.ย. แต่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป, ฮอนด้า มอเตอร์ โค, นิสสัน มอเตอร์ โค และฮุนได มอเตอร์ โคเปิดเผยยอดขายที่ต่ำเกินคาด
ไครสเลอร์ซึ่งอยู่ในเครือบริษัทเฟียตของอิตาลีรายงานว่า ยอดขายพุ่งขึ้น 1 % สู่ 143,017 คัน ซึ่งถือเป็นยอดขายที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ในปีก่อนๆในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
ยอดขายของโตโยต้าดิ่งลง 4.3 % สู่ 164,457 คัน, ยอดขายของฮอนด้ารูดลง 9.9 % สู่ 105,563 คัน, ยอดขายของนิสสันดิ่งลง 5.5 % สู่ 86,868 คัน และยอดขายของฮุนได-เกียทรุดลง 13.9 % สู่ 93,105 คัน
นายอเล็กซ์ กูเตียเรซ นักวิเคราะห์ของบริษัทเคลลีย์ บลู บุ๊ค กล่าวว่า "เราคาดว่ายอดขายรถจะได้รับแรงหนุนต่อไป แต่จะไม่รวดเร็วเท่ากับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยเราเชื่อว่ายังคงมีความเป็นไปได้ที่ยอดขายในสหรัฐในปีนี้อาจอยู่ที่ 15.6 ล้านคันเหมือนที่เราคาดการณ์ไว้"
ยอดขายรถยนต์เมื่อจำแนกตามยี่ห้อต่างๆอยู่ในระดับที่ไร้ทิศทาง
ยอดขายรถยี่ห้อด็อดจ์, ไครสเลอร์ และแรมของไครสเลอร์ปรับขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ย. แต่ยอดขายรถจี๊ปดิ่งลง 5 % ขณะที่ ไครสเลอร์ประสบปัญหาในการจัดส่งรถเชโรกีรุ่นปี 2014 สู่บริษัทตัวแทนจำหน่าย ทางด้านยอดขายรถเฟียตดิ่งลง 24 % และถือเป็นการร่วงลงเมื่อเทียบรายปีเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน
ยอดขายรถยี่ห้อฟอร์ดพุ่งขึ้น 6.3 % แต่ยอดขายรถยี่ห้อลินคอล์นดิ่งลง 5.1 % ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ยอดขายรถของบริษัทฟอร์ดในเดือนก.ย.ปีนี้ถือว่าสูงที่สุดสำหรับเดือนก.ย.นับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ส่วนยอดขายของไครสเลอร์ถือว่าสูงที่สุดสำหรับเดือนก.ย.นับตั้งแต่ปี 2007
ในส่วนของบริษัท GM นั้น ยอดขายรถยี่ห้อแคดิลแลคและบูอิคปรับขึ้นในเดือนก.ย. แต่ยอดขายรถเชฟโรเล็ตและ GMC ร่วงลงโดยเป็นผลจากการร่วงลงของยอดขายรถบรรทุก
ยอดขายรถยี่ห้อโฟล์คสวาเกนในสหรัฐดิ่งลง 12.2 % สู่ 31,920คัน ในขณะที่ยอดขายรถยี่ห้อออดี้พุ่งขึ้น 6.2 % สู่ 13,065 คัน และยอดขายรถปอร์เช่ทะยานขึ้น 13 % สู่ 3,093
ยอดขายรถยี่ห้อฮุนไดดิ่งลง 8 % สู่ 55,102 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยี่ห้อเกียรูดลง 21 % สู่ 38,003 คัน
ยอดขายรถในกลุ่ม BMW ซึ่งรวมถึงยี่ห้อมินิพุ่งขึ้น 8.3 % สู่ 28,874 คัน ส่วนยอดขายรถในกลุ่มเมอร์เซเดส-เบนซ์ซึ่งรวมถึง ยี่ห้อสมาร์ท ปรับขึ้น 5.8 % สู่ 27,474 คัน
ยี่ห้อรถหรูหราส่วนใหญ่ทำยอดขายได้อย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ย. โดยทั้ง BMW, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และออดี้ ซึ่งเป็น 3 ผู้ผลิตรถหรูหราของเยอรมนี ต่างก็รายงานว่ายอดขายพุ่งขึ้นในเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี รถยี่ห้อเล็กซัสของโตโยต้ามียอดขายดิ่งลง 4.2 %
ยอดขายรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าและระบบไฮบริดอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง โดยยอดขายรถเชฟโรเล็ต โวลต์ของ GM ร่วงลง 38.1 % สู่ 1,766 คัน แต่ยอดขายรถนิสสัน ลีฟพุ่งขึ้น 98.5 % สู่ 1,953 คัน ทั้งนี้ ยอดขายรถทั้งสองรุ่นนี้ได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดราคาครั้งใหญ่ในช่วงต้นปีนี้ แต่ยอดขายรถทั้งสองรุ่นนี้ยังคงมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่า 2,000 คันต่อเดือน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อแนวโน้มไตรมาส 4
นางอีเลน เกวย นักวิเคราะห์ของบริษัทเจฟฟรีส์ ระบุว่า "ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตราการว่างงานก็ร่วงลงสู่ 7.3 % ในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ราคาบ้านและกิจกรรมการก่อสร้างก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ"
นักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า การร่วงลงของยอดขายในเดือนก.ย.เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว
ราคาในการซื้อรถยนต์และรถบรรทุกคันใหม่โดยเฉลี่ยยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป โดยเพิ่มขึ้น 602 ดอลลาร์จากเดือนส.ค. สู่สถิติสูงสุดที่ 31,584 ดอลลาร์ต่อคันในเดือนก.ย. ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ส่งรถรุ่นปี 2014 ไปให้แก่บริษัทตัวแทนจำหน่าย และปรับลดมาตรการจูงใจสำหรับการขายรถรุ่นปี 2013 ที่ยังเหลืออยู่ในสต็อก
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group