คลิกชมบทความ "นิสสัน 360"ขับเคลื่อนปัจจุบัน เปิดวิชันอนาคต(ชมคลิปเทคโนโลยีออโตโนมัส...รถขับแทนคน)
งาน“นิสสัน 360” ที่ระดมรถยนต์กว่า100 คัน(รวมอินฟินิตี้) มาให้แขกที่ร่วมงานได้ลองขับ หรือนับๆดูแล้วจัดมาครบทุกรุ่นหลักที่ทำตลาดในปัจจุบันครับ ไม่ว่าจะขายอยู่ภูมิภาคไหน ถูกสั่งให้มาส่งยังสนาม เอล โทโร แคลิฟอร์เนีย เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
...ทุกรุ่นเป็นรถพวงมาลัยซ้าย มีให้เลือกขับตั้งแต่รถไฟฟ้ารุ่นดัง “นิสสัน ลีฟ” แบบรักโลกรักษ์สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงรถแรงระดับซูเปอร์คาร์อย่าง “จีที-อาร์”กันเลยทีเดียว!
ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองขับสัมผัสนั่งหลายรุ่น อย่าง“นิสสัน ลีฟ”นี่ตัวธรรมดาเฉยไปแล้วครับ ต้องลอง“ลีฟ นิสโม อาร์ซี” (Leaf Nismo RC) ที่แปลงสภาพจากรถไฟฟ้าติ๋มๆ ไปสู่ตัวแรงในสนามแข่ง ซึ่งการขับเคลื่อนยังใช้พลังไฟฟ้าเหมือนเดิม เพียงแต่ทีมงานนิสโม โมดิฟายด์ใหม่ ทั้งพละกำลัง ตัวถัง แรงกด น้ำหนักตัวที่ลดลง จนได้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระดับ 6.8 วินาที เมื่อขับจริงก็จินตนาการได้เหมือนควบคุมยานอวกาศ ด้วยเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าหวีดหวิว พร้อมแรงดึงแรงฉุด ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ
ตลอดสองวันของงาน“นิสสัน 360” ผู้เขียนลุกเข้า ผลุดออกรถยนต์หลายสิบคัน ประมาณว่าตัวไหนหาขับยากๆ หรือมีโอกาสน้อยที่จะได้สัมผัสในชีวิตนี้ ก็ขอกระโดดขึ้นไปนั่งเป็นบุญก้น ขับเป็นบุญเท้าก่อน (แต่กว่าจะได้ขับรถแต่ละรุ่นต้องต่อคิว บางรุ่นจองคิวทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีขั้นตอนอยู่พอสมควร)
อย่างไรก็ตามผู้เขียนยังตั้งใจไปขับรถยนต์สองรุ่นที่เตรียมเปิดตัวทำตลาดในไทยเร็วๆนี้อย่าง “นิสสัน เทียน่า ใหม่” และเอสยูวีหน้าแปลก “นิสสัน จู๊ค”
เริ่มจาก“เทียน่า ใหม่” (J33)คันนี้ ถูกส่งมาจากเมืองจีนที่เริ่มขายไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่วนเมืองไทยพร้อมเปิดตัวปลายเดือนตุลาคมนี้ โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร เหมือนเดิม เพียงแต่ว่ารุ่น 2.5 คราวนี้หันมาคบกับบล็อก 4 สูบ รหัส QR25DE แทนที่รหัสVQ ที่เป็นบล็อก วี6
สำหรับงานนี้มีแต่เทียน่า รุ่น 2.5 ลิตรให้ลองขับ ตามสเปกระบุว่า ให้กำลังสูงสุด 183 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 234 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องแบบCVT
ขณะที่สมรรถนะการขับขี่ผู้เขียนว่ายังคงบุคลิก นิ่ง นุ่ม สุขุมของ “เทียน่า J32” เอาไว้ การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์อาจจะไม่ใช่แนวสปอร์ตจี๊ดจ๊าด แต่อัตราเร่งมาแบบเนียนๆ พละกำลังมีให้ใช้ต่อเนื่องตามแรงกดของเท้าขวา ทั้งนี้ความเร็วที่ใช้ในสนามทดสอบความยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตรต่อรอบ อยู่ระดับ 80-120 กม./ชม.ไม่เกินนี้ครับ
ด้านพวงมาลัยเหมือนจะเบามือไปนิด แต่ควบคุมสบาย ช่วงล่างออกแนวนุ่มนวล และมาพร้อมการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารดีพอสมควร ส่วนภายในกว้างขวางหรูหรา เบาะนั่งของคู่หน้ารองรับสรีระนั่งสบายกว่ารุ่นเดิม
สำหรับ “เทียน่า ใหม่” รูปร่างหน้าตาจริงๆที่ขายในเมืองไทย แทบไม่ต่างจากนี้ครับ ดังนั้นคงต้องมาลุ้นเรื่องออปชันกับราคาขาย ซึ่งนิสสันไม่น่าจะทำให้แฟนๆผิดหวัง
อีกรุ่นเป็นซับคอมแพกต์เอสยูวี “นิสสัน จู๊ค” แม้ตลาดโลกจะทำตลาดมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่เมืองไทย เห็นว่าเพิ่งลงตัวเรื่องราคาขายและจำนวนที่ต้องการนำเข้ามาจากโรงงานผลิตนิสสัน ประเทศอินโดนีเซีย และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
ผู้เขียนมีโอกาสได้ลอง“จู๊ค” ครบทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นบ้านๆอย่าง เบนซิน1.6 เทอร์โบ, ดีเซล 1.5 เทอร์โบ, ไปจนถึงตัวแรงขับมันอย่าง จู๊ค นิสโม และ จู๊ค อาร์
สำหรับตัวท็อปสุดอย่าง “จู๊ค อาร์” นั้น ถูกจัดให้ไปอยู่ในสนามการขับขี่แบบสมรรถนะสูง ร่วมกับ จีที-อาร์ และจีที-อาร์ จีที3ความยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตรต่อรอบ หนึ่งคนได้ขับหนึ่งรอบ
ความแรงจากเครื่องยนต์ วี6 ขนาด3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 545 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 588 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200-5,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัทช์ 6 สปีด ยึดบล็อกของ จีที-อาร์ และแนวทางการพัฒนาของสปอร์ตคาร์รุ่นพี่มาเต็มๆ
เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดัง ออกตัวพลุ่งพล่าน ถ้าใช้โหมด Launch Control System อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไล่ไปถึง 100 กม./ชม. ทำได้เพียง 2.8 วินาที ขับสะใจดีครับ วิ่งลัดเลาะไปตามกรวย มีจุดเบรกจุดเร่ง แม้ระยะทางจะสั้นไปนิด แถมต้องใส่หมวกกันน็อกเพื่อความปลอดภัย แต่ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก
“จู๊ค อาร์” อาจจะเป็นหนึ่งในสุดยอดรถยนต์ที่เกิดขึ้นบนโลก ขณะที่ราคาขายก็โดดไปแถว 20 ล้านบาท แต่ขับจริงๆผู้เขียนว่ามันก็เกินไปสำหรับชีวิตปกติ ออกแนวขั้นกว่าของความบ้าระห่ำ ดังนั้นคันที่กำลังพอเหมาะและประทับใจผู้เขียนต้องยกให้ “จู๊ค นิสโม” ที่เพิ่งจะพัฒนาแล้วนำออกมาขายในญี่ปุ่นและยุโรปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง
เมื่อพิจารณาสเปกจากเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 197 แรงม้า ประกบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อาจจะดูไม่เท่าไหร่ แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกมันแบบสมเหตุสมผล โดยเฉพาะการจัดการเรื่องแรงกดหรือ Down force ให้ดีขึ้น 37% เมื่อเทียบกับ “จู๊ค” ตัวปกติ อันส่งผลโดยตรงกับการทรงตัว ดังนั้น“จู๊ค นิสโม” จึงควบคุมได้มันมือ มั่นใจ พร้อมการถ่ายเทน้ำหนักสมดุล รถเกาะโค้งแน่น และตัวถังไม่โยกโยนเหมือนจู๊คทั่วไป
เรี่ยวแรงสอดคล้องกับการควบคุมพวงมาลัย และช่วงล่างที่ปรับเซ็ทมาอย่างลงตัว ซึ่ง “จู๊ค นิสโม” น่าจะมีโอกาสน้อยสำหรับการขายในประเทศไทย(อย่างเป็นทางการ) แต่ตัวที่จะมาปลายปีนี้แน่ๆคือ “จู๊ค”เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ แบ่งทำตลาดเป็น 2 รุ่นย่อย ราคาขายประมาณ 8-9 แสนบาท
...ลองไปซื้อขับดูก่อน ถ้าชอบแล้วจะเอาไปแต่งแบบไหน อู่ไทย ช่างเทพทำได้สบายครับ