“พาณิชย์” ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีพบข้าวเน่าที่พิษณุโลก ขีดเส้น 2 สัปดาห์ต้องรู้ใครผิด ยันรัฐไม่เสียหาย เหตุข้าวได้ขายไปเกือบหมดแล้ว คงเหลือบางส่วนที่ยังไม่มารับมอบกับข้าวที่ค้างอยู่ในโกดัง
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีข้าวเน่าที่จังหวัดพิษณุโลก โดยให้ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร มีความเสียหายอย่างไรบ้าง ทั้งต่อตัวข้าว สาธารณชน สิ่งแวดล้อม โครงการของรัฐ รวมไปถึงให้ตรวจสอบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ และมีใครที่เกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบกับข้าวที่ได้รับความเสียหายดังกล่าว โดยให้รายงานผลการตรวจสอบต่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าวเพื่อพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ และจากนั้นจะรายงานให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ข้าวที่พบว่ามีการเน่าเสียและเกิดไฟไหม้ที่จังหวัดพิษณุโลกเป็นข้าวที่เก็บรักษาไว้ในโกดังของบริษัท เกษตรไพศาลธัญกิจ จำกัด เป็นข้าวขาว 5% ที่รับจำนำมาและเก็บไว้ตั้งแต่ปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 13,464 ตัน และได้ขายไปในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้แก่รัฐวิสาหกิจของจีนในช่วงปลายปี 2555 จำนวน 13,000 ตัน ซึ่งผู้ซื้อได้จ่ายเงินค่าข้าวครบทั้งจำนวนที่ซื้อ และได้มาขนข้าวออกไปแล้วจำนวน 11,966 ตัน คงเหลือรับมอบ 1,033 ตัน ทำให้คงเหลือข้าวที่ยังค้างส่งมอบกับข้าวที่คงเหลือในโกดังรวมทั้งสิ้น 1,497 ตัน
อย่างไรก็ตาม ข้าวที่ขายไปยังขนออกไม่หมด ซึ่งในจำนวนข้าวที่ขนออกไม่หมด พบว่ามีข้าวบางส่วนที่เคยเปียกน้ำจากช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ดังนั้น พอขนออกไม่หมด ก็คงไม่รู้ว่าข้าวที่กองไว้ข้างล่างมีปัญหา เป็นข้าวเปียก และพอข้าวแห้งก็เลยระอุและเป็นเชื้อไฟอย่างดีจึงเกิดไฟไหม้ขึ้นมา ซึ่งการแก้ปัญหา ทางเจ้าของโกดังก็ใช้วิธีขนข้าวออกไปด้านหลังไปวางไว้ในที่ดินของตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาและป้องกันข้าวไฟไหม้ทั้งหมด
“พอขนออกไปไว้ข้างนอกก็เกิดปัญหาผลกระทบต่อพื้นที่นาและพื้นที่ทางการเกษตรที่อยู่ใกล้ๆ เพราะข้าวอยู่ใกล้ทางน้ำ ซึ่งเจ้าของโกดังได้ไปพูดคุยกับเกษตรกรแถวนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาแล้ว แต่ยังเกิดความไม่พอใจ ก็เลยมีปัญหาร้องเรียนเกิดขึ้น”