เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในไทยปี 2556 ส่วนใหญ่ยังยืนยันขยายการลงทุนในไทยปี 2556-2557 ต่อเนื่อง ชมเปาะพึงพอใจกับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบีโอไอมากสุดแถมพอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของคนบีโอไอที่ซื่อตรง
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยถึงโครงการศึกษาวิเคราะห์ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยประจำปี 2556 ซึ่งบีโอไอได้ว่าจ้าง บ.ไบรอัน เคฟ (ประเทศไทย) เป็นผู้ทำการสำรวจระหว่าง มี.ค.-พ.ค. 56 จากนักลงทุนต่างชาติกว่า 500 รายพบว่า ระหว่างปี 2556-2557 นักลงทุนส่วนใหญ่ 63% มีแผนที่จะขยายการลงทุนในไทยและ 1 ใน 3 นี้มีแผนที่จะขยายไปลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนาม และพม่า โดยไทยมีปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนหากเทียบกับสมาชิกอาเซียนเป็นรองเพียงสิงคโปร์ และนอกอาเซียนเป็นรองญี่ปุ่นและใกล้เคียงกับจีน
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการรักษาระดับหรือการขยายการลงทุน ได้แก่ ความพร้อมของอุตสาหกรรมสนับสนุนและวัตถุดิบ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนจากบีโอไอ นอกจากนี้นักลงทุนยังเชื่อว่าผลกำไรในปี 2556 จะดีกว่าปีก่อนและจะดีขึ้นในปี 2557 รวมถึงภาระหนี้สินจะมีแนวโน้มลดลง
นายศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้จัดการ บ.ไบรอัน เคฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากผลสำรวจนักลงทุนพึงพอใจกับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบีโอไอมากที่สุด และพบว่ามีความพอใจมากขึ้นกว่าปี 2555 โดยนักลงทุนต่างชาติพอใจกับความซื่อตรงในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บีโอไอมากที่สุด
จากผลการสำรวจเชิงลึกพบว่า ปี 2556 นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันการคอร์รัปชันและมาตรการปรับปรุงระบบภาษีศุลกากรเป็นอันดับต้นๆ ของมาตรการของรัฐบาลและบีโอไอ และเมื่อมีการสัมภาษณ์เชิงลึกประเด็นการเมืองและนโยบายของรัฐบาลนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาลและนโยบายทางเศรษฐกิจเพราะไม่มีความต่อเนื่องจึงยากต่อการวางแผนธุรกิจระยะยาว แต่มุมมองเสถียรภาพการเมืองไม่มีผลต่อการตัดสินใจการลงทุนภายในไทย ส่วนค่าแรงนั้นพบว่าแรงงานทักษะต่ำ หายากขึ้นแต่แรงงานฝีมือเองก็เลือกงานและต้องการค่าแรงที่สูงจึงเป็นประเด็นที่รัฐบาลจะต้องพิจารณา
