นายวาลิด อัล โมอาเลม รมว. ต่างประเทศของซีเรีย ตกลงยอมรับข้อเสนอของรัสเซียที่ให้ซีเรียส่งมอบอาวุธเคมีไปอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของนานาประเทศทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการรุกรานจากสหรัฐ สอดคล้องกับ ปธน.บารัค โอบามาของสหรัฐที่ขานรับข้อเสนอนี้เช่นกัน โดยระบุว่าเป็น “ความคืบหน้าในเชิงบวก" และอาจจะนำไปสู่การคลี่คลายวิกฤตได้
กองทุน ธ.ออมสินของสเปน (Funcas) ประมาณการเศรษฐกิจสเปนว่าจะขยายตัว 1% ในปีหน้าหลังจากชะลอตัว 1.2% ในปีนี้ จากสถานการณ์แวดล้อมที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มของเศรษฐกิจยูโรโซน การส่งออกที่ขยายตัว รวมถึงการปรับลดงบประมาณที่คาดว่าจะลดลง ซึ่งจะช่วยให้การบริโภคภายในประเทศสามารถขยายตัวได้ถึงแม้ว่าจะยังคงประสบกับปัญหาอัตราว่างงานที่สูงก็ตาม
สินเชื่อผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 4.4% ต่อปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน มิ.ย.ที่ขยายตัวได้ 5.1% เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้บัตรเครดิตน้อยลง ในขณะที่สินเชื่อรถยนต์และเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนส.ค.ของจีนเพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับ ส.ค. 2555 นับเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 17 เดือน จากภาวะการส่งออกประกอบกับความอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีนในครึ่งปีหลังจะสามารถขยายตัวได้มากขึ้น ภายหลังจากที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก
นายหลี่ เค่อเฉียง นายกฯจีน ยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวนและท้าทายก่อนที่จะขยายตัวอย่างยั่งยืนในระยะยาวโดยที่ผ่านมาจีนเลือกให้ความสำคัญกับการปฏิรูปและการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แทนการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ซึ่งนโยบายดังกล่าวเริ่มเห็นผลแล้วจากตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดที่ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ
ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 1.17% จากเดือนก่อนหน้าและ 13.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว บ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 20.3% สู่ระดับ 26.26 ล้านล้านหยวน โดยที่การลงทุนของภาครัฐเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนมากขึ้น รวมถึงยังช่วยเร่งอุปสงค์ในสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานอีกด้วย
ผลสำรวจของ ธ.แห่งชาติออสเตรเลีย (NAB) ระบุว่า ความมั่นใจภาคธุรกิจของออสเตรเลียในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีที่ 6 จาก -3 ในเดือนก.ค. สะท้อนถึงความคาดหวังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์จ้างงานในอนาคตที่ยังมีแนวโน้มอ่อนแออยู่ก็ตาม
รายงานการประชุม ธ.กลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 7-8 ส.ค. ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเริ่ม ฟื้นตัว จากสัญญาณของค่าจ้างและรายได้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ BOJ ได้ดำเนินการมานั้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจได้จริง อีกทั้งยังช่วยควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเสริมความแข็งแกร่งและเดินหน้าปฏิรูปด้านการคลังเพื่อช่วยส่งเสริมเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ยอีกทางหนึ่ง
อัตราการว่างงานของฟิลิปปินส์ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.3% เนื่องจากมีจำนวนแรงงานเพิ่มขึ้นในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะจ้างคนงานเพิ่มเติม
การลงทุนภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของกัมพูชาในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวถึง123% มาอยู่ที่ 1.94 พันล้านดอลล่าร์ ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงาน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และคอนโดมิเนียม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจกัมพูชา
สนง. เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าช่วงครึ่งปีแรกและทั้งปีนี้จะขยายตัวได้ที่ระดับ 3.8-4.3% จากปัจจัย 1) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 2) การพื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐและญี่ปุ่นจะผลักดันให้การส่งออกเติบโตมากขึ้น และ 3) การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยในระยะยาวจะต้องหันมาพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนโดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ให้มากขึ้น รวมถึงขยายการลงทุนโดยเฉพาะภาครัฐที่ปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนโลก การเร่งตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมไปถึงความเสี่ยงทางการเมืองภายในประเทศ
SET Index ปิดที่ 1,393.17 จุด เพิ่มขึ้น 8.86 จุด หรือ +0.64%ด้วยมูลค่าซื้อขาย 70,547.86 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตามตลาดต่างประเทศและขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,413.98 ก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไรในช่วงบ่ายทำให้ปรับตัวลงมา โดยได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน รวมถึงการที่ตลาดคลายความกังวลต่อสถานการณ์ซีเรียในระยะสั้น
กบข. คงสัดส่วนลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ร้อยละ 10 ของพอร์ต โดยเชื่อว่าการลงทุนในตลาดหุ้นยังมีทิศทางที่ดีตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม กบข. กำลังพิจารณาขยายเพดานลงทุนในหุ้นต่างประเทศจากปัจจุบันที่ร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 35 เพื่อลงทุนเพิ่มในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐ ญี่ปุ่น ที่คาดว่าน่าจะให้ผลตอบแทนสูงตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ
ตลท. ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนประเภทอื่นที่ระดับ 17.1% ต่อปี โดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ เช่นทองคำที่ 10% พันธบัตรรัฐบาลที่ 1% และเงินฝากประจำ 1 ปีที่ -1.1%
สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงในช่วง -0.02% ถึง -0.03% โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 109,520 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้ออายุ 15 ปี มูลค่า 10,000 ล้านบาท