เผยนาทีวิกฤตผู้โดยสาร เครื่องการบินไทยแถกับพื้นเครื่องยนต์ระเบิดเกิดเพลิงไหม้ที่สุวรรณภูมิ "นักศึกษารุ่นเจ้าสัว 50 ชีวิต"หนีตายอลหม่าน ดารา-นักธุรกิจ-เจ้าของม.กรุงเทพธนบุรี ร่วมเที่ยวบิน ผู้โดยสารอัดการบินไทยขาดการจัดการที่ดีในภาวะวิกฤต ชี้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินไม่มีแผนรองรับปล่อยให้ผู้โดยสารเคว้ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ 2 คนที่รับแจ้งสัมภาระหายรับเรื่อง ส่วนที่เหลือปล่อยเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
จากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 8 กันยายน 2556 โดยเที่ยวบินทีจี 679 ทำการบินในเส้นทางกว่างโจว - กรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินแบบ แอร์บัส เอ330-300 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานกว่างโจว เมื่อ เวลา 21.25 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 23.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อเครื่องบินเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่เครื่องบินแตะทางวิ่งฐานล้อได้เกิดเหตุขัดข้อง ส่งผลให้เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่ง ระหว่างที่ไถล ออกไปได้เกิด ประกายไฟจากบริเวณฐานล้อด้านขวาซึ่งอยู่ใกล้เครื่องยนต์ ทั้งนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง หลังจากนั้นนักบินที่ 1 ได้ควบคุมเครื่องบินจนจอดสนิท และทำการอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินโดยทางออกฉุกเฉิน โดยครื่องบินลำดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 288 คน และลูกเรือจำนวน 14 คน โดยมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยขณะอพยพออกจากเครื่องบิน และมีจำนวน 13 คนต้องนำส่งโรงพยาบาล
แหล่งข่าวจากผู้โดยสารที่ร่วมคณะเดินทางกลับมาจากกว่างโจว-กรุงเทพฯ เปิดใจกับทีมข่าวASTVผู้จัดการว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ที่เดินทางไปดูงานประมาณ 50 คนโดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียง และรู้จักกัน เช่น นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ดร.บังอร เบญจาธิกุล อธิการบดีม.กรุงเทพธนบุรี ดร.จรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช และยังมีนักธุรกิจเช่น นายโฆษิต สุวินิจจิต, นายวีรภาพ สุภาพไพบูลย์ ดารานักแสดงฯลฯ
ผู้โดยสารคนหนึ่งที่โดยสารมาในเครื่องลำดังกล่าวและมีความรู้เรื่องการขับเครื่องบิน ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะที่เครื่องกำลังบินร่อนลงจอด เริ่มสังเกตุความผิดปกติว่าล้อเครื่องบินมีปัญหา เพราะมีอาการสไลด์ของตัวเครื่องบิน ทำให้รู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งนักบินการบินไทยเองพยายามที่จะบังคับควบคุมเครื่องบินให้ทรงตัวอยู่ได้ในระยะแรกเท่านั้น แต่ต่อมาก็ไม่สามารถบังคับได้ ทำให้ปีกเครื่องบินแถกับพื้น เครื่องยนต์ระเบิดเกิดเพลิงใหม้ ขณะนั้นผู้โดยสารทุกคนแตกตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เครื่องบินไถลลงอย่างแรง
"ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินทุกคนทำตามขั้นตอนของการอพยพผู้โดยสาร เช่น มีการประกาศให้ผู้โดยสารทุกคนปฏิบัติตามขั้นตอนเช่น การเข้าแถว และการกระโดดลงจากเครื่องแล้วให้วิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่เป็นไปตามกฎของการบิน "
ผู้โดยสารเล่าต่อไปว่าที่ต้องมีการตำหนิอย่างรุนแรงคือเจ้าหน้าที่ภาคพื้นของการบินไทย ไม่มีการประสานความช่วยเหลือกับผู้โดยสารที่หนีออกมาจากเครื่องบินลำดังกล่าวเลย มีเพียงเจ้าหน้าที่ภาคพื้นเพียง 2 คนที่รับแจ้งสัมภาระและกระเป๋าหรือเอกสารต่าง ๆ ที่คอยประสานกับผู้โดยสารกว่า 200 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ของการบินไทยส่วนอื่น ๆ ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรเลย เหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในเครื่องบินดังกล่าว
สำหรับเหตุการณ์เครื่องบินเกิดวิกฤตเช่นนี้หน่วยภาคพื้นดินของการบินไทย การท่าอากาศยาน ควรจะต้องมีการประสานความร่วมมือระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ เข้ามาดูแลผู้โดยสาร แต่กลับปล่อยให้ผู้โดยสารเคว้งไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้เลย ซึ่งแพทย์และพยายามที่เข้ามาช่วยเหลือนั้นก็เป็นการระดมมาจากรถโรงพยาบาลต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลต่าง ๆ ที่มาจอดประจำเพื่อรอรับผู้โดยสาร จึงมีไม่เพียงพอที่จะอำนวยความสะดวกกับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้แสดงความไม่พอใจและต่อว่าเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของการบินไทยและการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่ไม่สามารถอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้ ถึงแม้ผู้โดยสารบางคนไม่สามารถเดินได้ตามปกติ แต่ผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วยกันต้องช่วยกันพยุงเข้ามาในอาคารผู้โดยสาร และมีผู้บริหารของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้ไปเจราจาของให้เจ้าหน้าที่การบินไทยช่วยส่งเจ้าหน้าที่มาประสานและดูแลเพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้โดยสารที่ยังมีปัญหาเรื่องสัมภาระต่าง ๆ และพาสปอร์ตที่ติดอยู่ในเครื่องบิน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจทำให้ผู้โดยสารทุกคนผิดหวังกับการบินไทยโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน
"หลังจากเกิดเหตุแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทการบินไทยออกมาดูแลหรือแสดงความเอาใจใส่เลย เจ้าหน้าที่ของสนามบินก็ทำอะไรไม่ได้ ฝากชีวิตไว้กับการบินไทยไม่ได้เลย และทรัพย์สินที่อยู่บนเครื่องจะรับผิดชอบให้ผู้โดยสารยังไง ฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยออกมาดูแลหรือรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ผู้โดยสารบนเครื่องบิน กล่าว
ส่วนกรณีที่มีกล่าวว่าเจ้าหน้าที่เปิดประตูฉุกเฉินให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจ ออกไปก่อน แล้วกันผู้โดยสารชั้นธรรมดาไว้ทั้ง ๆ ที่เพลิงไหม้มาจากปีกอยู่ฝั่งชั้นธรรมดานั้นต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกัปตันว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพื่อความปลอดภัยต่อผู้โดยสาร ขณะที่พนักงานต้องรับบนเครื่องบินได้รับแจ้งให้อพยพทางด้านซ้ายของเครื่องบินเพราะทางด้านขวาเกิดเพลิงไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่ได้กั้นให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจออกไปก่อนแต่อย่างไร