คณะกรรมการบาเซิลของผู้ควบคุมกฎระเบียบทั่วโลกได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ใหม่ ที่ใช้ในการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ตลาดตราสารอนุพันธ์ที่มีมูลค่า 630 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากคณะกรรมการบาเซิลกังวลว่า การประกาศใช้กฎเกณฑ์ที่มีความเข้มงวดจนเกินไปอาจเป็นการสร้างความเสียหายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
คณะกรรมการบาเซิลของผู้ควบคุมกฎระเบียบและธนาคารกลางได้เผยแพร่กฎเกณฑ์ขั้นสุดท้ายที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทโบรกเกอร์วางหลักประกันขั้นต้นสำหรับการค้าตราสารอนุพันธ์ประเภท สัญญาสว็อป ถ้าหากการค้าสัญญาดังกล่าวไม่ได้กระทำผ่านทาง "สำนักหักบัญชี"
ทั้งนี้ การค้าตราสารอนุพันธ์ผ่านทางสำนักหักบัญชีหมายความว่า การค้าดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการค้ำประกันการผิดนัดชำระหนี้ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดล้มละลาย
การปฏิรูปกฎเกณฑ์ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปตราสารอนุพันธ์ ในวงกว้าง สำหรับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป (จี-20) โดยการปฏิรูปในครั้งนี้กำหนดให้มีการหักบัญชีและการค้าสัญญาในตลาดในกรณีที่สามารถกระทำได้ และบังคับให้มีการจดบันทึกการทำธุรกรรมทั้งหมด
ผู้ควบคุมกฎระเบียบต้องการปฏิรูปตลาดนี้หลังจากได้รับบทเรียนจาก วิกฤติการเงินปี 2007-2009 เพราะในช่วงที่เกิดวิกฤติดังกล่าว ความไม่โปร่งใสของตราสารอนุพันธ์อย่างเช่นตราสาร CDS (credit default swaps) ซึ่งใช้ในการทำประกันการร่วงลงของราคาพันธบัตร เป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด
เป้าหมายในการกำหนดหลักประกันขั้นต้นนี้คือการสร้างกันชนที่มีความ ปลอดภัย โดยหลักประกันขั้นต้นนี้ประกอบด้วยเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลคุณภาพสูงที่สามารถนำมาใช้ค้ำประกันการค้า
คณะกรรมการบาเซิลเผยแพร่กฎเกณฑ์ขั้นสุดท้ายเมื่อวานนี้ ก่อนที่ผู้นำกลุ่มจี-20 จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่รัสเซียในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้เพื่อทบทวนความคืบหน้าในการปฏิรูปกฎระเบียบ
สหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐได้ให้สัญญาว่าจะร่วมมือกันด้านกฎเกณฑ์ ตราสารอนุพันธ์ หลังจากที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันในตอนแรก และนายคาร์นีย์ ก็คาดหวังว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มจี-20 จะร่วมมือกันด้วย
นายคาร์นีย์กล่าวว่า "ในส่วนของตราสารอนุพันธ์นั้น การยอมทำตามกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งให้ผลในแบบเดียวกัน ถือเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันไม่ให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากความแตกต่างด้านกฎระเบียบ และถือเป็นการยอมรับความเป็นจริงในเรื่องที่ว่า อาจจะมีการใช้มาตรฐานทางกฎระเบียบแบบเดียวกันในอนาคตด้วย"
นายคาร์นีย์กล่าวว่า การบังคับให้วางหลักประกันสำหรับสัญญาสว็อปที่ไม่ได้ผ่านสำนักหักบัญชี ถือเป็นการให้แรงจูงใจแก่ผู้ค้าในการโยกย้ายการค้าไปไว้ใน ตลาดและให้กระทำผ่านทางสำนักหักบัญชี
ในหลายกรณีนั้น กฎใหม่นี้จะบังคับให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายวางหลักประกันขั้นต้นในอัตรา 1-15 % ในครั้งแรก
นายเดเมียน แคโรลัน ทนายความของบริษัทอัลเลน แอนด์ โอเวอรี กล่าวว่า คณะกรรมการบาเซิลจะต้องไม่กังวลกับผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นการค้าโดยไม่หักบัญชีจะกลายเป็นสิ่งที่ใช้ต้นทุนน้อยกว่าการค้าผ่านทางสำนักหักบัญชี
นายแคโรลันกล่าวว่า "คณะกรรมการบาเซิลได้พยายามทำในสิ่งที่สามารถทำได้ แต่พวกเขายังคงปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ขั้นพื้นฐานที่มีผลสำคัญต่ออุตสาหกรรมนี้ ซึ่งได้แก่การกำหนดให้วางหลักประกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะส่งผลให้มีการเรียกเก็บหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวนมาก"
ธนาคารบางแห่งเคยกล่าวเตือนว่า กฎใหม่นี้จะมีส่วนทำให้เกิดภาวะขาดแคลนหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่มาตรการปฏิรูปอื่นๆบังคับให้เทรดเดอร์และธนาคารพาณิชย์ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
เจ้าหน้าที่บางคนกล่าวว่า กฎใหม่นี้จะส่งผลให้ผู้ใช้ตราสารบางรายหลีกเลี่ยงการซื้อตราสารอนุพันธ์เพื่อทำประกันความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งรวมถึงการทำประกันความเสี่ยงด้านสกุลเงิน
คณะกรรมการบาเซิลระบุว่า "คณะกรรมการบาเซิลยอมรับว่ากฎเกณฑ์เรื่องหลักประกันนี้เป็นสิ่งใหม่สำหรับตลาด และผลกระทบที่แน่นอนจากกฎ ใหม่นี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตลาดที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการนำกฎใหม่นี้มาใช้แล้วเท่านั้น"
นายเอ็ด ปาร์คเกอร์จากบริษัทกฎหมายเมเยอร์ บราวน์กล่าวว่า กฎใหม่นี้อนุญาตให้อุตสาหกรรมบางประเภทไม่ต้องวางหลักประกันขั้นต้น โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับการยกเว้นนี้คืออุตสาหกรรมสายการบินและอุตสาหกรรมที่ใช้ตราสารอนุพันธ์ในการทำประกันความเสี่ยงต้นทุน วัตถุดิบของตนเอง
กฎเกณฑ์ขั้นสุดท้ายนี้อนุญาตให้มีการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันในแวดวงที่กว้างยิ่งขึ้นในการวางหลักประกันขั้นต้นด้วย
นายปาร์คเกอร์กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์จะสามารถนำหลักทรัพย์ค้ำประกันขั้นต้นมาใช้ใหม่ได้ (re-hypothecation) แต่สามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ซึ่งมาตรการนี้จะสร้างความลำบากเป็นอย่างมาก เพราะ ปัจจุบันนี้ธนาคารมักจะนำหลักทรัพย์ค้ำประกันมาใช้ประโยชน์ใหม่เป็น จำนวนหลายครั้งจะมีการนำกฎเกณฑ์ใหม่นี้มาใช้ทีละขั้นตอน แต่กระบวนการนี้จะกินเวลายาวนานกว่าที่เคยวางแผนไว้ในขั้นแรก โดยกฎนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ในเดือนธ.ค. 2015 แต่ใช้กับดีลเลอร์ตราสารอนุพันธ์รายใหญ่เท่านั้น และหลังจากนั้นจะมีการขยายกฎนี้ให้ครอบคลุมส่วนอื่นๆในตลาดในอีก 4 ปีต่อมา
มีการปรับเปลี่ยนกฎนี้จากร่างแรกในส่วนอื่นๆด้วย ซึ่งรวมถึงการอนุญาต ให้ผู้ค้าสัญญาสว็อปและสัญญาฟอร์เวิร์ดสกุลเงินที่ได้รับการหักบัญชีในตลาดปัจจุบัน ไม่ต้องวางหลักประกันขั้นต้น ในช่วงต้นปีนี้ คณะกรรมการบาเซิลเคยผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่บังคับให้ธนาคารพาณิชย์กันสำรองสภาพคล่องด้วยเช่นกัน โดยการผ่อนคลายกฎดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อลดอุปสงค์ในพันธบัตรรัฐบาลคุณภาพสูง
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group
คณะกรรมการบาเซิลของผู้ควบคุมกฎระเบียบและธนาคารกลางได้เผยแพร่กฎเกณฑ์ขั้นสุดท้ายที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทโบรกเกอร์วางหลักประกันขั้นต้นสำหรับการค้าตราสารอนุพันธ์ประเภท สัญญาสว็อป ถ้าหากการค้าสัญญาดังกล่าวไม่ได้กระทำผ่านทาง "สำนักหักบัญชี"
ทั้งนี้ การค้าตราสารอนุพันธ์ผ่านทางสำนักหักบัญชีหมายความว่า การค้าดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการค้ำประกันการผิดนัดชำระหนี้ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดล้มละลาย
การปฏิรูปกฎเกณฑ์ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปตราสารอนุพันธ์ ในวงกว้าง สำหรับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป (จี-20) โดยการปฏิรูปในครั้งนี้กำหนดให้มีการหักบัญชีและการค้าสัญญาในตลาดในกรณีที่สามารถกระทำได้ และบังคับให้มีการจดบันทึกการทำธุรกรรมทั้งหมด
ผู้ควบคุมกฎระเบียบต้องการปฏิรูปตลาดนี้หลังจากได้รับบทเรียนจาก วิกฤติการเงินปี 2007-2009 เพราะในช่วงที่เกิดวิกฤติดังกล่าว ความไม่โปร่งใสของตราสารอนุพันธ์อย่างเช่นตราสาร CDS (credit default swaps) ซึ่งใช้ในการทำประกันการร่วงลงของราคาพันธบัตร เป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด
เป้าหมายในการกำหนดหลักประกันขั้นต้นนี้คือการสร้างกันชนที่มีความ ปลอดภัย โดยหลักประกันขั้นต้นนี้ประกอบด้วยเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลคุณภาพสูงที่สามารถนำมาใช้ค้ำประกันการค้า
คณะกรรมการบาเซิลเผยแพร่กฎเกณฑ์ขั้นสุดท้ายเมื่อวานนี้ ก่อนที่ผู้นำกลุ่มจี-20 จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่รัสเซียในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้เพื่อทบทวนความคืบหน้าในการปฏิรูปกฎระเบียบ
สหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐได้ให้สัญญาว่าจะร่วมมือกันด้านกฎเกณฑ์ ตราสารอนุพันธ์ หลังจากที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันในตอนแรก และนายคาร์นีย์ ก็คาดหวังว่าประเทศอื่นๆในกลุ่มจี-20 จะร่วมมือกันด้วย
นายคาร์นีย์กล่าวว่า "ในส่วนของตราสารอนุพันธ์นั้น การยอมทำตามกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งให้ผลในแบบเดียวกัน ถือเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันไม่ให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากความแตกต่างด้านกฎระเบียบ และถือเป็นการยอมรับความเป็นจริงในเรื่องที่ว่า อาจจะมีการใช้มาตรฐานทางกฎระเบียบแบบเดียวกันในอนาคตด้วย"
นายคาร์นีย์กล่าวว่า การบังคับให้วางหลักประกันสำหรับสัญญาสว็อปที่ไม่ได้ผ่านสำนักหักบัญชี ถือเป็นการให้แรงจูงใจแก่ผู้ค้าในการโยกย้ายการค้าไปไว้ใน ตลาดและให้กระทำผ่านทางสำนักหักบัญชี
ในหลายกรณีนั้น กฎใหม่นี้จะบังคับให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายวางหลักประกันขั้นต้นในอัตรา 1-15 % ในครั้งแรก
นายเดเมียน แคโรลัน ทนายความของบริษัทอัลเลน แอนด์ โอเวอรี กล่าวว่า คณะกรรมการบาเซิลจะต้องไม่กังวลกับผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นการค้าโดยไม่หักบัญชีจะกลายเป็นสิ่งที่ใช้ต้นทุนน้อยกว่าการค้าผ่านทางสำนักหักบัญชี
นายแคโรลันกล่าวว่า "คณะกรรมการบาเซิลได้พยายามทำในสิ่งที่สามารถทำได้ แต่พวกเขายังคงปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ขั้นพื้นฐานที่มีผลสำคัญต่ออุตสาหกรรมนี้ ซึ่งได้แก่การกำหนดให้วางหลักประกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะส่งผลให้มีการเรียกเก็บหลักทรัพย์ค้ำประกันจำนวนมาก"
ธนาคารบางแห่งเคยกล่าวเตือนว่า กฎใหม่นี้จะมีส่วนทำให้เกิดภาวะขาดแคลนหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่มาตรการปฏิรูปอื่นๆบังคับให้เทรดเดอร์และธนาคารพาณิชย์ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
เจ้าหน้าที่บางคนกล่าวว่า กฎใหม่นี้จะส่งผลให้ผู้ใช้ตราสารบางรายหลีกเลี่ยงการซื้อตราสารอนุพันธ์เพื่อทำประกันความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งรวมถึงการทำประกันความเสี่ยงด้านสกุลเงิน
คณะกรรมการบาเซิลระบุว่า "คณะกรรมการบาเซิลยอมรับว่ากฎเกณฑ์เรื่องหลักประกันนี้เป็นสิ่งใหม่สำหรับตลาด และผลกระทบที่แน่นอนจากกฎ ใหม่นี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตลาดที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการนำกฎใหม่นี้มาใช้แล้วเท่านั้น"
นายเอ็ด ปาร์คเกอร์จากบริษัทกฎหมายเมเยอร์ บราวน์กล่าวว่า กฎใหม่นี้อนุญาตให้อุตสาหกรรมบางประเภทไม่ต้องวางหลักประกันขั้นต้น โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับการยกเว้นนี้คืออุตสาหกรรมสายการบินและอุตสาหกรรมที่ใช้ตราสารอนุพันธ์ในการทำประกันความเสี่ยงต้นทุน วัตถุดิบของตนเอง
กฎเกณฑ์ขั้นสุดท้ายนี้อนุญาตให้มีการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันในแวดวงที่กว้างยิ่งขึ้นในการวางหลักประกันขั้นต้นด้วย
นายปาร์คเกอร์กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์จะสามารถนำหลักทรัพย์ค้ำประกันขั้นต้นมาใช้ใหม่ได้ (re-hypothecation) แต่สามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ซึ่งมาตรการนี้จะสร้างความลำบากเป็นอย่างมาก เพราะ ปัจจุบันนี้ธนาคารมักจะนำหลักทรัพย์ค้ำประกันมาใช้ประโยชน์ใหม่เป็น จำนวนหลายครั้งจะมีการนำกฎเกณฑ์ใหม่นี้มาใช้ทีละขั้นตอน แต่กระบวนการนี้จะกินเวลายาวนานกว่าที่เคยวางแผนไว้ในขั้นแรก โดยกฎนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ในเดือนธ.ค. 2015 แต่ใช้กับดีลเลอร์ตราสารอนุพันธ์รายใหญ่เท่านั้น และหลังจากนั้นจะมีการขยายกฎนี้ให้ครอบคลุมส่วนอื่นๆในตลาดในอีก 4 ปีต่อมา
มีการปรับเปลี่ยนกฎนี้จากร่างแรกในส่วนอื่นๆด้วย ซึ่งรวมถึงการอนุญาต ให้ผู้ค้าสัญญาสว็อปและสัญญาฟอร์เวิร์ดสกุลเงินที่ได้รับการหักบัญชีในตลาดปัจจุบัน ไม่ต้องวางหลักประกันขั้นต้น ในช่วงต้นปีนี้ คณะกรรมการบาเซิลเคยผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่บังคับให้ธนาคารพาณิชย์กันสำรองสภาพคล่องด้วยเช่นกัน โดยการผ่อนคลายกฎดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อลดอุปสงค์ในพันธบัตรรัฐบาลคุณภาพสูง
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Executive Vice President.
RHB-OSK Securities (Thailand)PLC
RHB Banking Group