xs
xsm
sm
md
lg

“วันชัย” คัมแบ็ก “อีสท์วอเตอร์” ชูวิสัยทัศน์รุกธุรกิจไปสู่ภาคอื่น-อาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล
ASTVผู้จัดการรายวัน - “วันชัย” กลับมารับตำแหน่งซีอีโอ “อีสท์วอเตอร์” อีกครั้ง ลั่นนำพาบริษัทก้าวข้ามจาก “ภาคตะวันออก” ไปสู่การลงทุนในภาคอื่นๆ รวมทั้งอาเซียนเพื่อให้มีอัตราเติบโตที่สูง สนใจร่วมทุนเค วอเตอร์ทำโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทและโครงการทวาย เตรียมส่งบริษัทย่อย “ยูยู” รุกธุรกิจน้ำประปาทั้งใน และต่างประเทศ

นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EASTW) กล่าวถึงวิสัยทัศน์การนำพาบริษัทฯ สู่ความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำของภูมิภาค หลังกลับมารับตำแหน่ง CEO บริษัทฯ อีกครั้งว่า การกลับเข้ามารับตำแหน่งใหม่อีกครั้งในอีสท์วอเตอร์ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นองค์กรที่เข้าสู่ทศวรรษที่ 3 ซึ่งบริษัทฯ จำเป็นต้องก้าวข้ามจากพื้นที่ภาคตะวันออกให้ได้เพื่อไปลงทุนในภาคอื่นๆ ของไทย รวมทั้งขยายการลงทุนไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพื่อให้มีอัตราเติบโตที่สูงเหมือนในอดีต

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะไม่ทิ้งภาคตะวันออกเพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำในภาคตะวันออก โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกทุกภาคส่วนอย่างบูรณาการผ่านศูนย์ปฏิบัติการน้ำ (วอเตอร์วอร์รูม) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกเหมือนในอดีต เนื่องจากบริษัทฯ มีภารกิจที่จะต้องดูแลการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกให้เพียงพอต่อความต้องการ

นายวันชัยกล่าวต่อไปว่า การก้าวออกจากพื้นที่ภาคตะวันออกไปให้ได้จะทำ 2 มิติ กล่าวคือ ออกจากพื้นที่เดิม และต้องออกไปทำธุรกิจเดิม คือ น้ำดิบ โดยบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจน้ำประปา โดยจะให้บริษัทย่อย คือ บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด หรือยูยู ยูทิลิติตี้ (ยูยู) เป็นผู้รุกธุรกิจนี้ โดยแสวงหาโอกาสการทำน้ำประปาตามเกาะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่น เกาะเสม็ด เกาะล้าน เป็นต้น รวมทั้งมองหาโอกาสการบริหารจัดการน้ำเสีย เช่น การนำน้ำเสียที่พัทยามารีไซเคิลแทนการทิ้งลงทะเล โดยนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการหล่อเย็นโรงงานที่ชลบุรีแทนการส่งน้ำจากระยองมาใช้ เป็นต้น โดยอย่างช้าปีหน้าจะเห็นความชัดเจนขึ้น

รวมทั้งยังมอบหมายให้ยูยูหาโอกาสที่จะรุกธุรกิจน้ำประปาในประเทศอาเซียนทั้งลาว และพม่าที่มีความต้องการใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนหลายรายได้สัมปทานธุรกิจน้ำประปาในลาวแล้ว ดังนั้นการเติบโตของธุรกิจน้ำประปานั้น ทางบอร์ดบริษัทฯ ได้ให้ยูยูจะเข้าไปลงทุนได้ทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อสัมปทาน การร่วมลงทุน การควบรวม หรือแม้แต่การซื้อกิจการเพื่อให้บริษัทฯ ใหญ่ขึ้น

นอกจากนี้ยังเห็นโอกาสที่จะขยายการลงทุนไปยังจังหวัดภูเก็ต โดยจะวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานีมายังภูเก็ต ความยาวท่อ 300 กม. คาดว่าใช้เงินลงทุน 5-6 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการศึกษาของการประปาส่วนภูมิภาคว่าจะทำเองหรือจะให้เอกชนเข้าไปลงทุน ซึ่งบริษัทฯ พร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในทุกรูปแบบ โดยยอมรับว่ามาร์จิ้นจากโครงการนี้ต่ำกว่าการวางท่อส่งน้ำมันมาขายให้โรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยว

รวมทั้งเจรจากับนิคมอุตสาหกรรมในแถบกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าไปบริหารจัดการน้ำประปาหรือน้ำอุตสาหกรรมประเภทอื่นที่ไม่ใช่น้ำดิบ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีนิคมฯ เกิดขึ้นมาก และนิคมฯ เองมีการลงทุนธุรกิจน้ำดิบเองอยู่แล้ว

นายวันชัยกล่าวต่อไปว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจน้ำในฐานะที่อยู่ในธุรกิจนี้มาถึง 20 ปี คงต้องเข้าไปมีบทบาทกับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โดยเจรจากับทางบริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น (K-Water) ในฐานะผู้ชนะประมูล เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะผู้ร่วมทุน เนื่องจากอีสท์วอเตอร์เป็นบริษัทไทยที่มีหน่วยงานรัฐให้การสนับสนุน และมีประสบการณ์การบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร บุคลากรพร้อม รวมทั้งดูโอกาสร่วมพัฒนาฟลัดเวย์เพื่อนำน้ำมาใช้ยังภาคตะวันออกด้วย

นอกจากนี้ ทางอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ก็มีการชักชวนให้บริษัทเข้าไปร่วมพัฒนาธุรกิจน้ำในโครงการนิคมฯ และท่าเรือน้ำลึกทวายที่พม่าด้วย ซึ่งบริษัทฯ มีความสนใจเนื่องจากรูปแบบจะเหมือนกับมาบตาพุด

สำหรับแผนการลงทุนในปีหน้า บริษัทฯ จะยังลงทุนต่อเนื่องธุรกิจน้ำดิบจากโครงการเดิม ทั้งโครงการวางท่อจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มาหนองปลาไหล และโครงการสร้างแหล่งสำรองน้ำที่ทับมา จังหวัดระยอง ความจุ 20 ล้าน ลบ.ม. ใช้เงินลงทุนเฉลี่ยปีละ 2 พันล้านบาทต่อเนื่องไปอีก 3 ปี และการลงทุนธุรกิจประปาเฉลี่ยปีละ 500 ล้านบาท รวม 2.5 พันล้านบาท โดยยังไม่ได้รวมโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นในอนาคต

นายนำศักดิ์ วรรณวิสูตร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและบัญชี อีสท์วอเตอร์ กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายปริมาณการขายน้ำดิบจะโตขึ้น 5-6% จากปีนี้ที่มีปริมาณขายน้ำดิบอยู่ที่ 295 ล้าน ลบ.ม. แต่ในด้านรายได้จะโตใกล้เคียงปีนี้ประมาณ 10% เนื่องจากปีหน้าจะมีการปรับราคาขายน้ำดิบเพิ่มขึ้นจากเดิม 10.50 บาท/ลบ.ม. เป็น 11 บาท/ลบ.ม. โดยยังไม่รวมการใช้น้ำดิบจากโครงการลงทุนใหม่ในนิคมฯ เหมราช และนิคมฯ อมตะ

ส่วนแหล่งเงินทุนนั้น บริษัทฯ มีความสามารถในการกู้ยืมได้อีก 7 พันล้านบาท เนื่องจากมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.6 เท่า และยังมีช่องทางการระดมเงินจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะนำบริษัท ยูยูเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น เพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนเองแทนการพึ่งพาบริษัทแม่

“หากบริษัทไม่คิดจะออกจากพื้นที่เดิม (ภาคตะวันออก) ก็คงไม่สามารถรักษาอัตราการเติบโตระดับสองหลักได้ คงโตเพียงปีละ 6% ซึ่งนโยบายนี้ภายในองค์กรก็ต้องปรับวิสัยทัศน์ เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ และนี่คือเหตุผลที่ผมกลับมารับตำแหน่งนี้อีกครั้ง” นายวันชัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น