กบง.ยอมเฉือนรายได้กองทุนน้ำมันฯ ตรึงราคาแก๊สโซฮอล์และดีเซลหลังราคาน้ำมันโลกพุ่งแรงจากกรณีข่าวโจมตีซีเรีย ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จากที่มีรายได้เข้าวันละ 6.48 ล้านบาท เป็นรายจ่ายเพิ่มขึ้นวันละ 27.5 ล้านบาท
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 29 ก.ย.ว่า กบง.ได้มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 0.30 บาทต่อลิตร และดีเซลปรับลด 0.50 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ เพื่อดูแลราคาขายปลีกราคาน้ำมันไม่ปรับตัวสูงขึ้นไปจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมากจากกรณีกระแสข่าวการโจมตีซีเรียของสหรัฐอเมริกา และพันธมิตรชาติตะวันตก
“เราลดเก็บเงินเฉพาะแก๊สโซฮอล์ โดยไม่ปรับลดเบนซิน 95 เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งทำให้ราคาขายปลีกของแก๊สโซฮอล์ไม่ปรับขึ้น โดยยังตอบไม่ได้ว่าจะตรึงราคาน้ำมันขายปลีกระดับนี้ไปนานเพียงใด แต่การดูแลช่วงนี้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่อาจจะปรับขึ้นแรงตามราคาตลาดโลกที่ล่าสุดมีการปรับขึ้นสูงถึง 3-4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ประกอบกับค่าเงินบาทก็อ่อนค่าด้วย” นายณอคุณกล่าว
ทั้งนี้ ผลจากการปรับลดอัตราเงินส่งกองทุนฯ ทำให้อัตราใหม่เป็นดังนี้ ดีเซลจากเดิมเก็บ 0.70 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 จากเดิมเก็บอยู่ 0.90 บาทต่อลิตรเหลือ 0.60 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์อี 20 เดิมชดเชย 1.80 บาทต่อลิตรเป็นชดเชยเพิ่ม 2.10 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์อี 85 เดิมชดเชย 11.90 บาทต่อลิตรเป็นชดเชยเพิ่ม 12.20 บาทต่อลิตร เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้รายได้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากเดิมมีรายรับวันละ 6.48 ล้านบาทเป็นรายจ่ายเพิ่มขึ้นวันละ 27.5 ล้านบาท แต่ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิยังเป็นบวก ล่าสุด 7,032 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังสามารถใช้มันสำปะหลังที่เพาะปลูกในไทยที่อยู่นอกโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2555/56 ในการผลิตเอทานอลได้ นับตั้งแต่ผู้ผลิตเอทานอลรับมอบมันสำปะหลังในโครงการฯ ครบ 1.6 ล้านตัน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 56 เนื่องจากคาดว่าไตรมาส 4 ผู้ผลิตเอทานอลต้องการใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้น เนื่องจากการใช้แก๊สโซฮอล์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจนทำให้ไตรมาส 2 การใช้เอทานอลรวมสูงถึง 2.58 ล้านลิตรต่อวัน
