ASTVผู้จัดการรายวัน - “ปานปรีย์” ประธานบอร์ด ปตท.สั่งยกเลิกการใช้ท่ออ่อนรับ-ส่งน้ำมันยี่ห้อที่มีปัญหาแตกรั่วเด็ดขาด ให้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแทนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลอีก โดยไม่ต้องรอผลสอบหาสาเหตุท่อรั่วฯ แย้มท่ออ่อนดังกล่าวมีเพียงโรงกลั่น PTTGC ใช้จำนวน 2 ท่อน ท่อนละ 12 เมตร
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ปตท.วาระพิเศษ วานนี้ (5 ส.ค.) ว่า คณะกรรมการได้ติดตามผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหากรณีท่อรับน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) รั่วในทะเล พบว่าสถานการณ์คลี่คลายไปมากแล้ว พร้อมทั้งสั่งยกเลิกการใช้ท่ออ่อนยี่ห้อที่มีปัญหาแตกรั่วนี้ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเช่นนี้อีก โดยไม่ต้องรอผลสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบที่มีคุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต เป็นประธาน
โดยท่ออ่อนที่ต่อเชื่อมระหว่างทุ่นรับน้ำมันกับเรือขนส่งน้ำมันยี่ห้อที่มีการแตกรั่วนี้มีเพียง 2 ท่อน ท่อนละ 12 เมตรจากจำนวนท่ออ่อนที่ติดต่อกันยาว 300 เมตร โดยจะใช้เวลาระยะหนึ่งในการสั่งทำท่ออ่อนจากบริษัทใหม่มาใช้แทนซึ่งจะต้องเป็นท่อที่มีมาตรฐานสูง แม้ว่าจะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นแต่ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และรับไม่ได้ที่จะให้มีการใช้ท่อยี่ห้อดังกล่าวต่อไปอีก
ปัจจุบันมีเพียง PTTGC ซึ่งใช้อุปกรณ์ท่อร่วมกับโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟนิ่งเท่านั้นที่มีการใช้ท่ออ่อนยี่ห้อที่มีปัญหา ทางโรงกลั่นไทยออยล์ก็ไม่ได้มีการใช้ยี่ห้อดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันการขนส่งน้ำมันดิบทางท่อกลางทะเลที่มีปัญหานี้ได้หยุดการใช้งานไปแล้ว ดังนั้นการขนส่งน้ำมันดิบจะขนจากเรือใหญ่ถ่ายลงเรือเล็กแล้วแล่นเข้าโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งวิธีนี้ก็มีการใช้กันอยู่ทั้งโรงกลั่นบางจากฯ และโรงกลั่นไออาร์พีซี ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กันอยู่แล้วทั้งสองวิธี
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้เร่งรัดให้หาสาเหตุการเกิดปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด รวมทั้งกำชับให้มีการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและเยียวยาประชาชนเกาะเสม็ด โดยให้ PTTGC รายงานความคืบหน้าในสิ่งที่รับปากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้บอร์ด ปตท.ทราบเป็นระยะๆ
ส่วนการบริหารความเสี่ยงนั้น ได้เสนอให้กลุ่ม ปตท.หารือร่วมกันเพื่อจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้วเสนอต่อคณะกรรมการ ปตท.ในครั้งหน้า
นอกจากนี้ ทาง ปตท.จะจัดหารถขจัดคราบน้ำมันให้เกาะเสม็ด เนื่องจากพบว่าเกาะเสม็ดไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือในการดูแลสิ่งแวดล้อมให้หาดทรายขาวขึ้น และบริษัทฯ ได้กำหนดจะจัดงานวันคลีนนิ่งเดย์ ระหว่างวันที่ 10-13 ส.ค.นี้