“พาณิชย์” เผยผลเปิดซองประมูลข้าว 3.5 แสนตัน คาดเคาะขายได้แค่หลักแสนตัน เหตุถูกกดราคาต่ำเกินไป “นิวัฒน์ธำรง” เผยคนเข้าร่วมประมูลน้อยเพราะเตรียมตัวไม่ทัน แต่เชื่อครั้งต่อไปมาเยอะแน่ จับตาประมูลข้าวเปลือกส่อแววกร่อยตาม
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการเปิดซองประกวดราคาข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาล 2554/55 ปริมาณรวม 3.5 แสนตัน แยกเป็นข้าวขาว 5% จำนวน 1.5 แสนตัน และปลายข้าวเอวันเลิศจำนวน 2 แสนตัน เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2556 คาดว่าจะสามารถอนุมัติขายข้าวขาวได้ประมาณ 9 หมื่นกว่าตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 5% ปริมาณ 6 หมื่นตัน ให้แก่ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท แคปปิตัลซีเรียวส์ บริษัท เอเชีย โกลเด้น ไรซ์ และบริษัท ไชยพรไรซแอนด์ฟู้ดโปรดักส์ และปลายข้าวเอวันเลิศ ประมาณ 3 หมื่นตันให้แก่บริษัทพงศ์ลาภ
ทั้งนี้ การอนุมัติขายดังกล่าวเนื่องจากบริษัทเหล่านี้เสนอราคาซื้อใกล้เคียงกับราคาตลาด ซึ่งผ่านเกณฑ์ราคากลางที่คณะอนุกรรมการะบายข้าวกำหนดไว้ ส่วนบริษัทที่ไม่ได้รับการอนุมัติเพราะมีการเสนอราคาต่ำกว่าราคาตลาดมาก
สำหรับการประมูลในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประมูลน้อยเพราะเป็นครั้งแรกเอกชนอาจจะเตรียมตัวไม่ทัน แต่เชื่อว่าในการประมูลรอบต่อไปจะมีเอกชนเข้ามาประมูลมากขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อให้การประมูลขายข้าวทำได้ตามเป้าหมาย และจากนี้ไปจะมีการประมูลให้ได้เดือนละ 2 ครั้ง
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า แม้การยื่นซองประมูลข้าวครั้งนี้จะมีเอกชนยื่นประมูลน้อยราย แต่เป็นเอกชนรายใหญ่คิดเป็น 70% ของส่วนแบ่งตลาด และเชื่อว่าจะสามารถอนุมัติขายได้ในราคาที่เหมาะสม
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า วันที่ 30 ก.ค.นี้จะเปิดให้ยื่นซองประมูลข้าวเปลือกเจ้า 5% ณ โรงสี ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกรอบ 2 ปี 2555/56 ปริมาณ 2 แสนตัน สำหรับการแปรรูปเป็นข้าวนึ่งเพื่อส่งออก ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะมีเอกชนสนใจเข้าร่วมประมูลมากน้อยแค่ไหน เพราะเอกชนหลายรายได้แสดงความกังวลในเงื่อนไขการประมูลที่ระบุไว้ในทีโออาร์ที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ โดยเฉพาะในเรื่องคุณภาพข้าวที่ไม่มีความชัดเจน และอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างโรงสีกับผู้ส่งออก อีกทั้งราคาข้าวไทยยังสูงกว่าคู่แข่งมาก การยื่นประมูลราคาสูงอาจทำให้ไม่สามารถหาตลาดส่งออกได้