ส.อ.ท.ปรับลดคาดการณ์การเติบโต ศก.ไทยปีนี้เหลือ 4.5-4.8% หลังผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. 56 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 93.1 ลดลงจากระดับ 94.3 ของเดือน พ.ค. เหตุส่งออกส่งสัญญาณลด แถมการบริโภคในประเทศชะลอตัว ขณะที่อีก 3 เดือนข้างหน้าวิตก 3 ปัจจัยหลัก ศก.โลก น้ำมันขึ้น และการเมืองส่อวุ่น
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน มิ.ย. 56 ครอบคลุม 42 กลุ่มอุตฯ ของ ส.อ.ท. จำนวน 1,043 รายว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ที่ระดับ 93.1 ลดลงจากระดับ 94.3 ในเดือน พ.ค. 56 เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ส่งออกมีสัญญาณชะลอตัว รวมถึงการชะลอตัวการบริโภคในประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ ส.อ.ท.คงต้องปรับประมาณการการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีที่เดิมเคยคาดการณ์ว่าปีนี้จะขยายตัว 5%+ เป็น 5%- หรือจะโตราว 4.5-4.8%
“ที่ผ่านมา ส.อ.ท.ไม่เคยประเมินจีดีพีมาก่อน เราประเมินและก็ปรับลดลงครั้งแรกเพราะภาคการผลิตนั้นถือว่าจะรับรู้ได้ก่อนใครเนื่องจากเป็นผู้รับออเดอร์การผลิต ซึ่งดัชนีฯ เชื่อมั่นเดือน มิ.ย. 56 ชี้ให้เห็นว่าเอกชนวิตกต่อหลายปัจจัย ทั้งด้านเศรษฐกิจ และปัญหาการเมืองที่เริ่มมีน้ำหนักขึ้น รวมถึงต้นทุนการผลิตที่สูง และยอดขาย การผลิตรวมก็ลดลง ซึ่งเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้มากน้อยเพียงใดอยู่ที่มาตรการรัฐ ซึ่งเอกชนมองว่าโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน และโครงการ 2 ล้านล้านบาทหากมีการจัดการที่ดีและทำให้เกิดขึ้นได้ก็จะมีส่วนกระตุ้นอย่างมาก” นายพยุงศักดิ์กล่าว
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 98.7 ปรับลดลงจากระดับ 100.4 ในเดือน พ.ค. ซึ่งก็ลดลงจากองค์ประกอบสำคัญคือ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายรวม ปริมาณการผลิตและการประกอบการลดลง โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการใน 3 เดือนข้างหน้าพบว่า ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกเอกชนมีความกังวลเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับผลกระทบจากราคาน้ำมันและผลกระทบจากการเมืองในประเทศ ส่วนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีความกังวลลดลง