“บีโอไอ” เปิดบริการทุกรูปแบบ รุกบริการนักลงทุนไทยบุกไปขยายการลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุด “ศูนย์ข้อมูลการลงทุนไทยในตปท.” ที่เพิ่งตั้งไม่กี่เดือนบูม นักลงทุนแห่ใช้ตัดสินใจ ไปแน่ 86 ราย ลงทุนจริงแล้ว 41 ราย
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธุรกิจไทยมีความต้องการไปลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เพื่อลดผลกระทบค่าแรงที่เพิ่มขึ้นและแรงงานที่ขาดแคลน ดังนั้นบีโอไอจึงอยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศ ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ โดยจะนำร่องที่เมียนมาร์ในการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงทุนเดือน ก.ย.นี้ พร้อมกันนี้ยังจะจัดให้มีหน่วยส่งเสริมฯ เคลื่อนที่โดยจัดหาบริษัทที่ปรึกษาร่วมงานเพื่อให้คำปรึกษาต่างๆ คาดจะเริ่มให้บริการได้ในเดือน ส.ค.นี้
นางศิริพร นุรักษ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ บีโอไอ กล่าวว่า หลังจากบีโอไอได้เปิด “ศูนย์ข้อมูลการลงทุนไทยในต่างประเทศ” โดยให้บริการช่วง ธ.ค. 55 ล่าสุดมีนักธุรกิจสนใจและแจ้งตัดสินใจที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศเป้าหมายคือเมียนมาร์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และเวียดนาม รวม 86 บริษัท โดย 41 บริษัทได้เข้าไปลงทุนแล้ว คาดว่าอีก 1 ปีจะไปลงทุนอีก 11 บริษัท อีก 2 ปี 20 บริษัท 3 ปีอีก 9 บริษัท และมี 5 บริษัทที่คาดว่าจะไปลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับแผนส่งเสริมการลงทุนไทยไปต่างประเทศ ปี 2556-2557 บีโอไอจะจัดกิจกรรมพานักลงทุนไปสำรวจลู่ทางในต่างประเทศ 20 ครั้งใน 3 กลุ่มประเทศเป้าหมาย ได้แก่ 1. กลุ่มประเทศเป้าหมายหลักคือ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา กลุ่มที่ 2 จีน อินเดีย และชาติอาเซียนอื่นๆ กลุ่มที่ 3 ตลาดใหม่ เช่น เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา โดยนักธุรกิจไทยที่จะไปกับคณะมีทั้งกลุ่มที่อยากไปแสวงหาโอกาสลงทุนใหม่ๆ และกลุ่มที่จำเป็นต้องออกไปลงทุนต่างประเทศ ได้แก่ 1. อุตฯ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 2. อุตฯ เกษตรและเกษตรแปรรูป 3. อุตฯ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และ 4. อุตฯ ก่อสร้าง อุตฯ หนักและที่เกี่ยวเนื่องกับสาธารณูปโภคพื้นฐาน