“พาณิชย์”ดันข้าวหอมทุ่งกุลาร้องไห้เป็นของที่ระลึกขายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โชว์เพกเกจสวยใส่หม้อดิน หรือใส่ถุงนารายา บรรจุ 2-3 ขีด เล็งดำเนินคดี 4 แบรนด์ปลอมข้าวหอมทุ่งกุลาร้องไห้จำหน่าย
นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ ได้คัดเลือกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นข้าวที่จะนำมาจำหน่ายในรูปแบบของที่ระลึกตามสถานที่ท่องเที่ยวและสนามบิน ตามนโยบายของนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ที่ต้องการโปรโมตข้าวหอมมะลิไทยให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รู้จัก โดยจะใช้บรรจุภัณฑ์ 2 รูปแบบ คือ หม้อดินเครื่องปั้นดินเผาจากเกาะเกร็ด และแพกเกจจิ้งของนารายา เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว และรูปแบบสวยงาม สามารถจูงใจให้นักท่องเที่ยวซื้อเป็นของที่ระลึกได้
สำหรับปริมาณข้าวสารที่จะบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ดังกล่าว จะใช้ข้าวสารประมาณ 2-3 ขีด เพื่อความสะดวกต่อการซื้อไปฝากองนักท่องเที่ยว โดยปริมาณข้าว 2-3 ขีด สามารถรับประทานได้ประมาณ 2 มื้อ ส่วนราคาจำหน่าย ถ้าเป็นบรรจุภัณฑ์ธรรมดา จะมีราคาประมาณ 5 เหรียญสหรัฐ แต่หากบรรจุด้วยหม้อดินเครื่องปั้นดินเผาจากเกาะเกร็ด ก็จะมีมูลค่าสูงกว่านี้
นายปัจฉิมากล่าวว่า ปัจจุบันข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ สามารถขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) กับสหภาพยุโรป (อียู) ได้แล้ว หลังใช้เวลานานถึง 4 ปี ในการขอขึ้นทะเบียน ซึ่งเป็นสินค้าข้าวรายแรกในอาเซียนที่ได้รับจดจีไอในอียู โดยข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ของแท้จะต้องปลูกจากพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม และยโสธร ซึ่งทำให้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบว่า มีผู้ประกอบการได้แอบอ้างใช้ชื่อข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ไปจำหน่ายตามร้านค้าปลีกค้าส่งไม่ต่ำกว่า 4 ยี่ห้อ โดยไม่ได้ผลิตจากพื้นที่ๆ เป็นแหล่งผลิตจาก 5 จังหวัด ซึ่งกรมฯ เตรียมพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายในการเอาผิดกับผู้ที่แอบอ้างชื่อ เพราะเป็นการทำลายชื่อเสียงของข้าวจีไอ