นายหวัง จีหยง ผู้ก่อตั้งบริษัทบัตรของขวัญในเซี่ยงไฮ้ เคยพยายามขอกู้เงินจากธนาคารสองครั้งเพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจ แต่ประสบความล้มเหลวทั้งสองครั้งด้วยเหตุนี้ นายหวังจึงหันไปกู้เงินจากเครือข่ายผู้ปล่อยกู้ทางเลือกขนาดใหญ่ในจีน โดยเลือกที่จะใช้สินเชื่อ "ข้างถนน" (curb side) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบธนาคารเงาของจีน โดยระบบธนาคารเงานี้ครอบคลุมโรงรับจำนำ, บริษัทค้ำประกันสินเชื่อ, บริษัททรัสต์ และกลไกอื่นๆในการปล่อยกู้แก่ลูกหนี้ชาวจีน
คำว่าธนาคารเงาในจีนหมายถึงการปล่อยกู้ใดๆโดยกิจการที่อยู่นอกภาคธนาคาร นายหวังซึ่งมีอายุ 40 ปีกล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์ไม่เคยปล่อยกู้แก่ผู้ตั้งต้นกิจการอย่างเช่นพวกเรา เพราะธนาคารสนใจปล่อยกู้แก่บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทของรัฐบาลจีนเท่านั้น"
บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กของจีนจำนวนหลายล้านแห่งประสบปัญหาขาดแคลนสินเชื่อ และปัญหานี้อาจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่ทางการจีนพยายามปรับสมดุลเศรษฐกิจจีน
ธนาคารกลางจีนเพิ่งปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะสั้นพุ่งขึ้นสู่ระดับที่สูงมากในเดือนมิ.ย. โดยมีจุดประสงค์เพื่อปราบปรามการปล่อยกู้ที่เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการปล่อยกู้ที่เกี่ยวข้องกับการพุ่งขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลจีน
อย่างไรก็ดี การปราบปรามนี้กลับยิ่งส่งผลให้บริษัทเอกชนหลายแห่งของจีนจำเป็นต้องหันไปพึ่งพาธนาคารเงามากยิ่งขึ้นไปอีก
บริษัทฟิทช์ระบุว่า ราว 36 % ของสินเชื่อคงค้างในจีน หรือคิดเป็นปริมาณเงินราว 34 ล้านล้านหยวน (5.55 ล้านล้านดอลลาร์) เป็นสินเชื่อที่อยู่นอกบัญชีสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ โดยสินเชื่อนอกบัญชีนี้มีขนาดใหญ่มาก และอาจก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายเป็นอย่างมากถ้าหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างรุนแรง
ปัจจุบันนี้รัฐบาลจีนกำลังเผชิญกับภารกิจที่ยากลำบากในการควบคุมระบบปล่อยกู้นอกภาคธนาคาร เพราะระบบดังกล่าวช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโต และเป็นระบบที่เกิดจากนโยบายปล่อยกู้ของรัฐบาลจีนเอง
ธนาคารเครดิต สวิสระบุในเดือนก.พ.ว่า "กิจกรรมในภาคธนาคารเงาเพิ่มสูงขึ้น เพราะเศรษฐกิจจีนจำเป็นต้องเติบโต และภาคธนาคารพาณิชย์ก็ประสบความล้มเหลวเป็นอย่างมากในการดำเนินบทบาทเป็นตัวกลางทางการเงิน"
นายหวังกล่าวว่า การกู้เงินจากธนาคารเงาเป็นทางเลือกเพียงทางเดียวของเขา เพราะว่าธนาคารพาณิชย์มักไม่ปล่อยกู้แก่บริษัทขนาดเล็ก และบริษัทขนาดเล็กไม่สามารถระดมทุนจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ในจีนได้
นายหวังได้รับเงินกู้ 5 ล้านหยวนสำหรับระยะเวลา 6 เดือนจากผู้ปล่อยกู้นอกระบบรายหนึ่ง โดยผู้ปล่อยกู้รายนี้คิดอัตราดอกเบี้ย 14 % ต่อปี หรือราว 2 เท่าของสินเชื่อธนาคาร
ระบบธนาคารเงาในจีนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะระบบนี้เปิดโอกาสให้จีนสามารถเปิดเสรีนโยบายอัตราดอกเบี้ย และส่งเสริมความหลากหลายของกลไกการระดมทุนภายในประเทศ
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงของระบบธนาคารเงาเกิดจากการที่ระบบนี้่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางการ และระบบนี้ไม่มีกลไกในการประเมินความน่าเชื่อถือของลูกหนี้ ทั้งนี้ จีนยังไม่เคยประสบเหตุการณ์การผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ และนักวิเคราะห์ก็ตั้้งคำถามว่า ตลาดปรับตัวรับความเสี่ยงในจีนในระดับที่เหมาะสมหรือไม่
ระบบธนาคารเงาเฟื่องฟูขึ้นมา หลังจากทางการจีนออกคำสั่งในปี 2010 ให้จำกัด สินเชื่อภาคธนาคาร โดยในช่วงนั้นรัฐบาลจีนกังวลว่า กระแสการปล่อยกู้ที่เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2008 กำลังส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยกู้ให้แก่บริษัทของรัฐบาลจีน แต่บริษัทเอกชนส่วนใหญ่ในจีนจำเป็นต้องหาช่องทางอื่นๆในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระบบธนาคารเงารวมถึง "ผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่ง" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนระยะสั้นที่ธนาคารพาณิชย์ขายให้แก่สาธารณชนด้วย โดยผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินออมที่ทางการจีนกำหนดไว้ที่ 3 % และด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ จีงสามารถกระตุ้นให้ประชาชนนำเงินมาฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ธนาคารพาณิชย์จีนสามารถทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างธนาคารเงากับลูกค้าได้ด้วย โดยที่ธนาคารพาณิชย์ไม่จำเป็นต้องนำสินเช่ื่อดังกล่าวมาบรรจุไว้ในงบดุลของตนเอง
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้ทางการจีนตั้งเป้าหมายในการปราบปรามการขายผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งด้วยเช่นกัน
การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารในเดือนมิ.ย. สร้างความเสียหายต่อธนาคารพาณิชย์ที่พึ่งพาเงินกู้ระยะสั้นมากเกินไป โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งพึ่งพาเงินกู้ระยะสั้นเป็นจำนวนมากนั้น เป็นเพราะว่าธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งในช่วงสิ้นเดือนของทุกเดือนตามที่สัญญาไว้
สินเชื่อแบบ curb side ถือเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายแต่ไม่อยู่ภายใต้กฎระเบียบในจีน โดยข้อดีของสินเชื่อประเภทนี้คือความเร็วในการอนุมัติสินเชื่อ ทั้งนี้ สินเชื่อประเภทนี้รวมถึงสินเชื่อที่ปล่อยโดยผู้บริหารในฐานะตัวแทนของบริษัท, การปล่อยกู้ระหว่างบริษัทในเครือข่ายเดียวกัน และการปล่อยกู้โดยสมาชิกในครอบครัว โดยอัตราดอกเบี้ยอาจอยู่สูงกว่า 40 % ต่อเดือน หรือเกือบ 500 % ต่อปี
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
คำว่าธนาคารเงาในจีนหมายถึงการปล่อยกู้ใดๆโดยกิจการที่อยู่นอกภาคธนาคาร นายหวังซึ่งมีอายุ 40 ปีกล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์ไม่เคยปล่อยกู้แก่ผู้ตั้งต้นกิจการอย่างเช่นพวกเรา เพราะธนาคารสนใจปล่อยกู้แก่บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทของรัฐบาลจีนเท่านั้น"
บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กของจีนจำนวนหลายล้านแห่งประสบปัญหาขาดแคลนสินเชื่อ และปัญหานี้อาจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่ทางการจีนพยายามปรับสมดุลเศรษฐกิจจีน
ธนาคารกลางจีนเพิ่งปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะสั้นพุ่งขึ้นสู่ระดับที่สูงมากในเดือนมิ.ย. โดยมีจุดประสงค์เพื่อปราบปรามการปล่อยกู้ที่เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการปล่อยกู้ที่เกี่ยวข้องกับการพุ่งขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลจีน
อย่างไรก็ดี การปราบปรามนี้กลับยิ่งส่งผลให้บริษัทเอกชนหลายแห่งของจีนจำเป็นต้องหันไปพึ่งพาธนาคารเงามากยิ่งขึ้นไปอีก
บริษัทฟิทช์ระบุว่า ราว 36 % ของสินเชื่อคงค้างในจีน หรือคิดเป็นปริมาณเงินราว 34 ล้านล้านหยวน (5.55 ล้านล้านดอลลาร์) เป็นสินเชื่อที่อยู่นอกบัญชีสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ โดยสินเชื่อนอกบัญชีนี้มีขนาดใหญ่มาก และอาจก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายเป็นอย่างมากถ้าหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างรุนแรง
ปัจจุบันนี้รัฐบาลจีนกำลังเผชิญกับภารกิจที่ยากลำบากในการควบคุมระบบปล่อยกู้นอกภาคธนาคาร เพราะระบบดังกล่าวช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโต และเป็นระบบที่เกิดจากนโยบายปล่อยกู้ของรัฐบาลจีนเอง
ธนาคารเครดิต สวิสระบุในเดือนก.พ.ว่า "กิจกรรมในภาคธนาคารเงาเพิ่มสูงขึ้น เพราะเศรษฐกิจจีนจำเป็นต้องเติบโต และภาคธนาคารพาณิชย์ก็ประสบความล้มเหลวเป็นอย่างมากในการดำเนินบทบาทเป็นตัวกลางทางการเงิน"
นายหวังกล่าวว่า การกู้เงินจากธนาคารเงาเป็นทางเลือกเพียงทางเดียวของเขา เพราะว่าธนาคารพาณิชย์มักไม่ปล่อยกู้แก่บริษัทขนาดเล็ก และบริษัทขนาดเล็กไม่สามารถระดมทุนจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ในจีนได้
นายหวังได้รับเงินกู้ 5 ล้านหยวนสำหรับระยะเวลา 6 เดือนจากผู้ปล่อยกู้นอกระบบรายหนึ่ง โดยผู้ปล่อยกู้รายนี้คิดอัตราดอกเบี้ย 14 % ต่อปี หรือราว 2 เท่าของสินเชื่อธนาคาร
ระบบธนาคารเงาในจีนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะระบบนี้เปิดโอกาสให้จีนสามารถเปิดเสรีนโยบายอัตราดอกเบี้ย และส่งเสริมความหลากหลายของกลไกการระดมทุนภายในประเทศ
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงของระบบธนาคารเงาเกิดจากการที่ระบบนี้่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางการ และระบบนี้ไม่มีกลไกในการประเมินความน่าเชื่อถือของลูกหนี้ ทั้งนี้ จีนยังไม่เคยประสบเหตุการณ์การผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ และนักวิเคราะห์ก็ตั้้งคำถามว่า ตลาดปรับตัวรับความเสี่ยงในจีนในระดับที่เหมาะสมหรือไม่
ระบบธนาคารเงาเฟื่องฟูขึ้นมา หลังจากทางการจีนออกคำสั่งในปี 2010 ให้จำกัด สินเชื่อภาคธนาคาร โดยในช่วงนั้นรัฐบาลจีนกังวลว่า กระแสการปล่อยกู้ที่เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2008 กำลังส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์สามารถปล่อยกู้ให้แก่บริษัทของรัฐบาลจีน แต่บริษัทเอกชนส่วนใหญ่ในจีนจำเป็นต้องหาช่องทางอื่นๆในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระบบธนาคารเงารวมถึง "ผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่ง" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนระยะสั้นที่ธนาคารพาณิชย์ขายให้แก่สาธารณชนด้วย โดยผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินออมที่ทางการจีนกำหนดไว้ที่ 3 % และด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ จีงสามารถกระตุ้นให้ประชาชนนำเงินมาฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ธนาคารพาณิชย์จีนสามารถทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างธนาคารเงากับลูกค้าได้ด้วย โดยที่ธนาคารพาณิชย์ไม่จำเป็นต้องนำสินเช่ื่อดังกล่าวมาบรรจุไว้ในงบดุลของตนเอง
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้ทางการจีนตั้งเป้าหมายในการปราบปรามการขายผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งด้วยเช่นกัน
การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารในเดือนมิ.ย. สร้างความเสียหายต่อธนาคารพาณิชย์ที่พึ่งพาเงินกู้ระยะสั้นมากเกินไป โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งพึ่งพาเงินกู้ระยะสั้นเป็นจำนวนมากนั้น เป็นเพราะว่าธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งในช่วงสิ้นเดือนของทุกเดือนตามที่สัญญาไว้
สินเชื่อแบบ curb side ถือเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายแต่ไม่อยู่ภายใต้กฎระเบียบในจีน โดยข้อดีของสินเชื่อประเภทนี้คือความเร็วในการอนุมัติสินเชื่อ ทั้งนี้ สินเชื่อประเภทนี้รวมถึงสินเชื่อที่ปล่อยโดยผู้บริหารในฐานะตัวแทนของบริษัท, การปล่อยกู้ระหว่างบริษัทในเครือข่ายเดียวกัน และการปล่อยกู้โดยสมาชิกในครอบครัว โดยอัตราดอกเบี้ยอาจอยู่สูงกว่า 40 % ต่อเดือน หรือเกือบ 500 % ต่อปี
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak