“ซิตี้แบงก์” คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4.7% เชื่อส่งออกฟื้นเป็นแรงส่งในช่วงครึ่งปีหลัง และการลงทุนภาครัฐที่เป็นหัวหอกหลัก ชี้ดัชนีหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดที่ 1,300 จุด หรือระดับ พี/อี เรโช ที่ 13 เท่าไปแล้ว เชื่อมีโอกาสฟื้นตัว 18-23% โดยคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2557 ไว้ที่ 1,535 จุด ส่วนตลาดโภคภัณฑ์ชะลอตัวตามเศรษฐกิจจีน นักลงทุนหันกลับไปลงทุนเงินดอลลาร์แทน
นายฮาเรน ซาห์ ผู้อำนวยการและนักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส บริการบริหารความมั่งคั่ง ซิตี้เอเชียแปซิฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.7 และเพิ่มเป็นร้อยละ 4.8 ในปี 2557 โดยเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปีนี้คาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากการบริโภค และการลงทุนแผ่วลง โดยมองว่าการเติบโตจะมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และการส่งออกที่จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะขยายตัวดีขึ้น คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 6.2 ส่วนการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 6.3 ขณะที่การบริโภคทั้งปีจะขยายตัวร้อยละ 3.6 การลงทุนขยายตัวร้อยละ 7.2 ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ 2.1 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับปัจจัยที่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ ความชัดเจนการลด และถอนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ของสหรัฐฯ ซึ่งท่าทีของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ระบุว่า ต้องรอให้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นไปตามเป้าหมาย ก่อนที่จะมีการถอน QE ออกไป และสหรัฐฯ ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยจนถึงปี 2558 ทำให้คาดการณ์ว่าสภาพคล่องในตลาดยังมีคงต่อเนื่อง เพราะแม้เฟดจะลด QE ในปลายปีนี้ แต่ยังมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในตลาดต่อไปแต่ในวงเงินลดลง ดังนั้น ภาวะอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง เพราะทั้งประเทศสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป และจีน ยังต้องใช้ดอกเบี้ยต่่ำในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวยังเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อตลาดหุ้นในภูมิภาค และตลาดหุ้นไทย โดยดัชนีหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดที่ 1,300 จุด หรือระดับราคาต่อกำไรสุทธิ หรือพีอี เรโช ที่ 13 เท่าไปแล้ว ดังนั้น จึงคาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ มีโอกาสฟื้นตัวประมาณร้อยละ 18-23 โดยซิตี้แบงก์ ยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2557 ไว้ที่ 1,535 จุด
ส่วนตลาดโภคภัณฑ์ชะลอตัวตามเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์มากเป็นอันดับ 1 ของโลก เช่นเดียวกับตลาดทองคำ จะไม่โดดเด่นเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนจะมุ่งลงทุนในเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าแทนการลงทุนในทองคำ ดังนั้น ความน่าสนใจในการเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยของทองคำจึงลดลง โดยคาดว่าแนวรับต่ำสุดที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์