สนพ.ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต่อยอดขยายการใช้ก๊าซชีวภาพ เดินหน้าศึกษาระบบผลิตก๊าซชีวภาพอัดทดแทนก๊าซแอลพีจีเพื่อใช้ในครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม อนาคตเตรียมทดลองใช้จริงในชุมชนต้นแบบ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สนพ.ได้สนับสนุนสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) จัดทำ “โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานเพื่อทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลวในเชิงพาณิชย์” เพื่อศึกษาระบบผลิตก๊าซชีวภาพอัดสำหรับทดแทนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และจัดสร้างต้นแบบศูนย์สาธิตระบบผลิตและบรรจุก๊าซชีวภาพอัดสำหรับนำไปใช้ทดแทนก๊าซหุงต้มในครัวเรือนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม โดยสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 33,542,300 ล้านบาท
“ที่ผ่านมา สนพ.ได้สนับสนุนการศึกษาและวิจัยการนำก๊าซชีวภาพมาต่อยอดเพื่อนำไปผลิตเป็นก๊าซชีวภาพอัด (Compressed Bio-methane Gas : CBG) ทดแทนก๊าซ NGV ซึ่งผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจ และในส่วนการผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) ในเชิงพาณิชย์นั้น ล่าสุด สนพ.ได้ส่งเสริมการผลิตซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำก๊าซชีวภาพมาปรับปรุงคุณภาพเพื่อใช้แทนก๊าซแอลพีจีต่อไปได้” ผอ.สนพ.กล่าว
รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะผู้ดูแลโครงการฯ กล่าวว่า เพื่อให้การวิจัยมีความสมบูรณ์ ทางสถาบันฯ จึงได้ร่วมกับบริษัท รวมพรมิตรฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ ตั้งอยู่ที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ในการทดสอบผลิตก๊าซชีวภาพ ซึ่งปัจจุบันได้นำก๊าซชีวภาพไปผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์ม และแจกจ่ายให้ชุมชนใกล้เคียงใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) จำนวน 40-50 ครัวเรือน ซึ่งจะเป็นชุมชนต้นแบบในการเปลี่ยนมาใช้ชุดถังบรรจุก๊าซชีวภาพอัดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG)
รศ.ประเสริฐกล่าวต่อว่า ทาง มช.อยู่ระหว่างการติดตั้งสถานีต้นแบบผลิตก๊าซชีวภาพอัดด้วยวิธีดูดซึมด้วยน้ำ พร้อมกับทดสอบประสิทธิภาพเชิงความร้อน ทั้งนี้จากผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่าก๊าซชีวภาพอัดมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับก๊าซ LPG สามารถใช้ทดแทนได้ และในลำดับต่อไปทางโครงการฯ จะทำการออกแบบถังบรรจุก๊าซชีวภาพอัดให้เหมาะสมต่อการใช้งาน พร้อมทั้งศึกษาระบบความปลอดภัยและทดสอบการเผาไหม้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งาน ก่อนจะนำไปทดลองใช้จริงในชุมชนต้นแบบ จากนั้นจะนำมาวิเคราะห์ต้นทุนและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ต่อไป