ASTVผู้จัดการรายวัน - ซัสโก้คาดผลดำเนินงานไตรมาส 2/56 ใกล้เคียงไตรมาสก่อน เหตุยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นจากจำนวนปั๊มปิโตรนาสที่ซื้อมา เผยไตรมาส 3 เริ่มทยอยปลดป้ายปิโตรนาสลง 20-30 แห่ง พร้อมหาพันธมิตรทำร้านสะดวกซื้อ ลั่นหากตกลงไม่ได้ลุยทำเอง
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) (SUSCO) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2/2556 คาดว่าจะมีรายได้และกำไรดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และใกล้เคียงไตรมาส 1/2556 ที่มีรายได้ 6.25 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 83 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มียอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นหลังจากซื้อกิจการปั๊มน้ำมันปิโตรนาสเมื่อปลายปีที่แล้ว
โดยบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายรวม 1.7 หมี่นล้านบาท เป็นผลจากจำนวนปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 136 แห่งเป็น 235 แห่งในปีนี้ โดยปั๊มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนี้อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีก 61 แห่งจากเดิม 18 แห่ง จึงน่าจะเป็นที่ดึงดูดพันธมิตรเข้ามาทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อจากปัจจุบันที่มีร้านสะดวกซื้อ “ซูเรีย” อยู่แล้ว
ด้านความคืบหน้าในการหาพันธมิตรเข้าทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อในปั๊มซัสโก้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 2-3 รายแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป คงต้องเลื่อนเวลาจากเดิมที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาสนี้ หากตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายบริษัทฯ อาจจะทำธุรกิจนี้เองเนื่องจากร้านสะดวกซื้อซูเรียในปั๊มปิโตรนาสเดิมก็มีทีมงานและรูปแบบดำเนินการอยู่แล้ว เพียงแต่อาจปรับขนาดของร้านสะดวกซื้อให้เล็กลง และเน้นสินค้าที่มีความจำเป็นจากเดิมที่มีสินค้าหลากหลายมาก
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมทยอยเปลี่ยนป้ายจากปิโตรนาสเป็นซัสโก้ในปีนี้ 20-30 แห่ง โดยจะเริ่มในไตรมาส 3 นี้ คาดว่าจะใช้เงินปั๊มละ 2-3 ล้านบาท และปีถัดไปน่าจะเปลี่ยนป้ายปั๊มปิโตรนาสที่เหลือได้ทั้งหมด ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อช่วยทำประชาสัมพันธ์และโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ซัสโก้ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
นายชัยฤทธิ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเพิ่มสำรองน้ำมันจาก 5% เป็น 6%ของปริมาณการขายตามที่รัฐบาลกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ต้องเพิ่มสำรองน้ำมันอีก 1% เป็น 6% ในต้นเดือน พ.ย.นี้ เนื่องจากบริษัทฯ มีคลังสำรองน้ำมันอยู่แล้ว 3 แห่งที่กรุงเทพฯ สงขลา และสุราษฎร์ธานี สำรองน้ำมันได้ 30-40 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสำรองน้ำมันไม่เต็มปริมาณกำลังความจุ จึงได้ให้ผู้ค้าบางรายเช่าคลังด้วย ทั้งนี้ การเพิ่มสำรองน้ำมันตามกฎหมายนี้ทำให้บริษัทน้ำมันทุกรายต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 20% ของต้นทุนสำรองน้ำมันเดิม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ พยายามเก็บสต๊อกน้ำมันไม่ให้มากเกินไป เพื่อไม่เกิดปัญหาขาดทุน/กำไรจากสต๊อกน้ำมันในช่วงที่ราคาน้ำมันผันผวน
ส่วนการรุกตลาดน้ำมันอากาศยาน (เจ็ต) นั้น ขณะนี้บริษัทก็มีการขายน้ำมันเจ็ตให้ลูกค้า 6 สายการบินจากเดิมที่ปิโตรนาสเคยทำอยู่แล้ว ซึ่งการขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมนั้นคงต้องรอให้สัญญาซื้อขายน้ำมันเจ็ตหมดก่อนจึงจะเข้าไปประมูลแข่งขันได้ ซึ่งรายได้จากการขายน้ำมันเจ็ตไม่ถึง 5% ของรายได้รวม
