ASTVผู้จัดการรายวัน - เชลล์จ่อขอผ่อนผันเพิ่มปริมาณการสำรองน้ำมันในคลังช่องนนทรี จากเดิมสำรองน้ำมันแค่ 30-40% ของความจุ และเจรจาเช่าคลังอื่นๆ มั่นใจสำรองน้ำมันเพิ่มจาก 5% เป็น 6% ของปริมาณการขายได้ตามที่รัฐกำหนด ต.ค.นี้
นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยความพร้อมของบริษัทฯ ในการเพิ่มสำรองน้ำมันภาคเอกชนจาก 5% เป็น 6% ของปริมาณการจำหน่ายว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมตัว โดยจะขอผ่อนผันรัฐเพื่อเพิ่มปริมาณการสำรองน้ำมันในคลังช่องนนทรี กรุงเทพฯ มากขึ้นจากเดิมที่เก็บสำรองอยู่เพียง 30-40% ของความจุ ขณะเดียวกันก็พิจารณาว่าจะมีการสร้างคลังน้ำมันเพิ่มเติมอีกหรือไม่ จากปัจจุบันที่เชลล์มีคลังน้ำมันอยู่ 11 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าเพิ่มสำรองน้ำมันได้ทันทีตามที่กระทรวงพลังงานกำหนดในเดือนตุลาคมนี้หากรัฐผ่อนผันให้มีการใช้คลังน้ำมันช่องนนทรี กรุงเทพฯ ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพียงพอต่อการเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันคลังน้ำมันช่องนนทรีมีความจุน้ำมันได้ 200 กว่าล้านลิตร โดยคลังดังกล่าวจัดเก็บน้ำมันเตา ดีเซล และน้ำมันอากาศยาน (เจ็ต) ขณะเดียวกัน เชลล์ได้มีการหารือกับเจ้าของคลังน้ำมันรายอื่นๆ เพื่อขอเช่าเก็บน้ำมันสำรองฯ เช่น ท่อส่งปิโตรเลียมไทย (แทปไลน์) และบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ (เอฟพีที) เป็นต้น
สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยได้รายงานผลการศึกษาว่าจำเป็นต้องมีคลังน้ำมันชั้นในเพื่อจัดส่งน้ำมันให้กรุงเทพฯ ชั้นใน ลดการใช้รถบรรทุกน้ำมันในการวิ่งส่งน้ำมันภายในตัวเมืองชั้นใน ซึ่งที่ผ่านมาคลังน้ำมันช่องนนทรีได้ลดปริมาณการสำรองน้ำมันตามที่ภาครัฐร้องขอเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะประชุมร่วมกับโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เรื่องการเพิ่มสำรองน้ำมันจาก 5% เป็น 6% หรือเพิ่มจาก 36 วัน เป็น 43 วันในวันที่ 14 มิ.ย.นี้เพื่อขอรับฟังปัญหาทั้งหมด คาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป เนื่องจากต้องรอประกาศกรมธุรกิจพลังงานเรื่องคลังน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2556 ที่แก้ไขใหม่ และมีผลบังคับในวันที่ 23 กันยายน 2556
นายอัษฎากล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยอดขายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 ได้รับการตอบรับที่ดีต่อผู้บริโภคหลังจากบริษัทฯ เพิ่งเริ่มทำตลาดในช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีแผนจะขยายสถานีการจำหน่ายอี20 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 45 ปั๊ม
นายอัษฎากล่าวว่า เชลล์สนับสนุนนโยบายรัฐในโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันจากสระบุรีไปภาคเหนือ (พิษณุโลก) และภาคอีสาน (ขอนแก่น) ของท่อส่งปิโตรเลียมไทย (แทปไลน์) เพื่อให้ต่างจังหวัดใช้น้ำมันในราคาเดียวกันทั่วประเทศ โดยเชลล์เห็นว่าโครงการนี้เป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ โดยควรจะขยายท่อส่งน้ำมันจากเส้นท่อปัจจุบันออกไปเพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน และการส่งน้ำมันทางท่อจะทำให้ต้นทุนพลังงานต่ำลงดีกว่าการใช้รถบรรทุกน้ำมัน
สำหรับแหล่งเงินทุนนี้จะมาจากกระแสเงินสดของแทปไลน์ ซึ่งเห็นว่าแทปไลน์มีความสามารถในการจัดหาเงินกู้ยืมเองอยู่แล้ว โดยเชลล์ในฐานะผู้ถือหุ้นรายหนึ่งคงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนให้แทปไลน์เพื่อลงทุนแต่อย่างใด
วันนี้ (10 มิ.ย) เชลล์แห่งประเทศไทยเปิดตัวทีมเยาวชนไทยเข้าร่วมการแข่งขัน “เชลล์ อีโค-มาราธอน เอเชีย 2013” ระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค.นี้ ที่สถานแข่งขันนานาชาติเซปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยงานดังกล่าวจัดต่อเนื่องในเอเชียเป็นปีที่ 4 โดยทีมเยาวชนไทยสามารถคว้าแชมป์ทำสถิติดีที่สุดในการแข่งขันมาได้ทั้งหมด คาดว่าปีนี้ไทยจะสามารถคว้าแชมป์ต่อเนื่องได้เป็นปีที่ 4
ขณะที่ปีนี้มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 135 ทีมจาก 16 ประเทศทั่วเอเชีย โดยไทยมีทีมเข้าแข่งขัน 13 ทีมจาก 12 สถาบันการศึกษา ซึ่งทีมที่เคยได้แชมป์ก็จะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อสร้างสถิติใหม่ด้วยเช่นกัน
