ASTVผู้จัดการรายวัน - เอ็กโกรุกซื้อกิจการโรงไฟฟ้าต่างประเทศ เผยเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าลมที่ออสเตรเลีย-โรงไฟฟ้าที่ฮ่องกง-มาเก๊า ส่วนประมูลมั่นใจประมูลไอพีพี 1.8 พันเมกะวัตต์ได้เปรียบต้นทุนคู่แข่ง แย้มไตรมาส 2 กำไรดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 6.27 พันล้านบาท
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยความคืบหน้าการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก โดยขณะนี้บริษัทฯ เจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังลมที่ออสเตรเลีย ขนาดกำลังผลิตกว่า 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3 นี้ โดยบริษัทฯ สนใจซื้อกิจการทั้ง 100% คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังลมกว่า 1 ปี คาดรับรู้รายได้ในปี 2558
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาซื้อหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานระบบจ่ายไฟ และโรงไฟฟ้าในมาเก๊าและฮ่องกง คาดว่าจะสรุปได้ในปลายไตรมาส 2/2556 หรืออย่างช้าต้นไตรมาส 3/2556 เนื่องจาก 1 ใน 2 โครงการมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 1,00-2,000 เมกะวัตต์ จึงต้องมีพาร์ตเนอร์เข้าร่วมทุนด้วย โดยบริษัทฯ จะถือหุ้นไม่มากนักคิดเป็นสัดส่วนไฟฟ้า 500-600 เมกะวัตต์ หากดีลดังกล่าวแล้วเสร็จจะทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ทันที
นายสหัสกล่าวถึงการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย ขนาด 1,800 เมกะวัตต์ ว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ เลื่อนจากเดิมที่คาดรู้ผลในไตรมาส 3/2556 เนื่องจากอินโดนีเซียใช้เวลาในการพิจารณาคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูลนานกว่าที่คาดไว้ ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเควซอนอีก 500 เมกะวัตต์ที่ฟิลิปปินส์ ขณะนี้เจรจากับผู้ซื้อไฟฟ้าอยู่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า โดยโครงการนี้จะใช้เงินลงทุน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเอ็กโกจะถือหุ้นในโครงการนี้ 50%
สำหรับแหล่งเงินทุนนั้น บริษัทฯ ได้มีการกำหนดวงเงินลงทุนในปีนี้ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่รวมการซื้อกิจการหรือประมูลโรงไฟฟ้าดังกล่าวข้างต้นไว้ หากบริษัทได้โครงการใหม่ บริษัทฯ ก็มีความพร้อมในการจัดหาเงินกู้เพิ่มเติม เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับ 0.66 เท่า และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ 1.5 พันล้านบาท
“บริษัทฯ สนใจที่จะเข้าร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินทวาย 4,000 เมกะวัตต์ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อยู่ระหว่างการศึกษาความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวม ซึ่ง กฟผ.ต้องการ กฟผ.กรุ๊ปเป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งหมายถึงบริษัทลูก กฟผ.เช่น เอ็กโก ผลิตไฟฟ้าราชบุรี รวมทั้ง กฟผ.อินเตอร์ฯ ด้วย”
นายสหัสกล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบ 3 ว่า บริษัทฯ ได้ยื่นซองประมูลโรงไฟฟ้า 2 สัญญา สัญญาละ 1,800 เมกะวัตต์ แต่สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าที่เดียวกันคือระยอง เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวเทคนิคต่างกัน ดังนั้นจึงมีโอกาสชนะเพียงซองเดียวเท่านั้น โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวสามารถแข่งขันกับผู้ประมูลรายอื่นๆ ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่โรงไฟฟ้าระยองเดิมทำให้ไม่ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ และยังมีความได้เปรียบด้านต้นทุนการเงิน เนื่องจากผู้ถือหุ้นเอ็กโกคือบริษัท มิตซูบิชิ และเทปโก้ ประเทศญี่ปุ่น
ดังนั้น หากบริษัทฯ ชนะประมูลไอพีพีนี้คาดว่าต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท และจ่ายไฟเข้าระบบได้ในปี 2564
ส่วนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอมใหม่ 900 เมกะวัตต์ จ.นครศรีธรรมราช บนพื้นที่ใกล้เคียงโรงไฟฟ้าขนอมเดิมที่มีกำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ที่จะปลดระวางในวันที่ 1 มิ.ย. 2559 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาค่าไฟฟ้า และจะจ่ายไฟเข้าระบบได้ทันทีที่โรงไฟฟ้าขนอมเดิมปลดระวาง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีพื้นที่เดิมโรงไฟฟ้าขนอม ซึ่งสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้อีก 900 เมกะวัตต์เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคใต้ที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐว่าจะให้ดำเนินการหรือไม่อย่างไร
นายสหัสกล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2556 ว่า บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังลมเข้ามา รวมทั้งรายได้จากการเข้าไปถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเควซอนที่ฟิลิปปินส์ ทำให้บริษัทฯ มีรายได้และกำไรสุทธิสูงกว่าไตรมาส 2/2555 ที่มีกำไรสุทธิ 6.27 พันล้านบาทอย่างแน่นอน
ดังนั้น ผลดำเนินงานปีนี้บริษัทฯ คาดว่ามีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่แล้ว อาจรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุนเพิ่มเติมด้วย
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ปมีโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศ เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 20 แห่ง กำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทประมาณ 4,510 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาจำนวน 9 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญาฯ ประมาณ 1,610 เมกะวัตต์