“โรเด้นสต๊อก” โหมเอเชีย ชูไทยฐานผลิตเลนส์ส่งออก

เอเชียโอกาสทองนักลงทุน “โรเด้นสต๊อก” เทอีก 170 ล้านบาทเพิ่มเครื่องจักรเร่งผลิตเลนส์ส่งออก ส่งรายได้รวมทั่วโลกสิ้นปีนี้ทะลุ 450 ล้านยูโร ในไทยครวญค่าเงินบาทแข็งกระทบยอดขายจากแหล่งท่องเที่ยว สิ้นปีคาดโตเพียง 30-35% 

นายกุนเธอร์ ไรเคิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเด้นสต๊อก เอเชีย จำกัด และบริษัท โรเด้นสต๊อก (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอเชียถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีการเติบโตสูงเมื่อเทียบกับยุโรปที่ค่อนข้างทรงตัว ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญต่อเอเชีย โดยมีการเข้ามาทำตลาดแล้วหลายประเทศ ทั้งในจีน อินเดีย ญี่ปุ่น รวมถึงตะวันออกกลาง โดยในเอเชียมีสาขาอยู่ 3 แห่ง คือ จีน ญี่ปุ่น และไทย

ขณะที่ประเทศในเซาท์อีสต์เอเชียได้เริ่มเข้าไปทำตลาดในเขมร และพม่าแล้วในปีนี้ เชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้ยอดขายทั่วโลกจะอยู่ที่ 450 ล้านยูโร แบ่งอออกเป็นธุรกิจเลนส์ 80% และกรอบแว่นตา 20% ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งออกเป็น เยอรมนี 35%, ยุโรปตะวันตก 20% เอเชีย 20% และอื่นๆ 25% 

อย่างไรก็ตาม โรเด้นสต๊อกมีฐานผลิตเลนส์แว่นตาในไทยที่นิคมฯ ลาดกระบัง 1 แห่งสำหรับผลิตเลนส์ส่งออกไปทั่วโลก โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลงทุนเพิ่ม 400 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ใช้เพิ่มอีก 170 ล้านบาทในส่วนของเครื่องจักรเพื่อช่วยในการผลิตเลนส์ให้มีคุณภาพมากขึ้น รองรับการส่งออกที่มีมากกว่า 95% และ 5% จำหน่ายในประเทศ เชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้ยอดขายในประเทศในส่วนของเลนส์จะเติบโตขึ้น 25%

ส่วนกลุ่มธุรกิจกรอบแว่นตา ปีนี้ได้นำเข้าแว่นตาแฟชั่นแบรนด์ BALDESSARINI หรือบัลเดสซารินี จากเยอรมนี ส่งผลให้โรเด้นสต๊อกในไทยมีแบรนด์แว่นตาจัดจำหน่ายครบ 5 แบรนด์เช่นเดียวกับโกลบอล ประกอบด้วย โรเด้นสต๊อก, พอร์ช ดีไซน์, เมอร์เซเดส เบนซ์, อัลเฟรด ดัลฮิล และล่าสุดกับบัลเดสซารินี ซึ่งในไทย พอร์ช ดีไซน์, โรเด้นสต๊อก และอัลเฟรด ดัลฮิล สร้างรายได้มากสุดเรียงตามลำดับ 3 อันดับแรก โดยบัลเดสซารินีน่าจะช่วยเพิ่มรายได้ในสิ้นปีนี้อีก 10% หรือถึงสิ้นปีนี้กลุ่มกรอบแว่นตาน่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 30-35% 

นายกุนเธอร์กล่าวต่อว่า ในความเป็นจริงหากค่าเงินบาทไม่แข็งค่าน่าจะทำให้ยอดขายในไทยทั้งเลนส์และกรอบแว่นตาเติบโตได้มากกว่านี้ ซึ่งมองว่าในส่วนของพื้นที่ท่องเที่ยวจะมียอดขายลดลงเล็กน้อยจากส่วนของนักท่องเที่ยว แต่ถ้ามองในภาพรวมของไทยเศรษฐกิจยังโตต่อเนื่อง การเมืองนิ่ง เชื่อว่ากำลังซื้อน่าจะดีอยู่