xs
xsm
sm
md
lg

อีสท์วอเตอร์สำรองน้ำรับมือภัยแล้งปี57 คาดการใช้ภาคตะวันออก310ล้านลบ.ม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - “อีสท์ วอเตอร์” เล็งผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่-หนองปลาไหลปลายเดือนนี้ เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในภาคตะวันออก รับมือภัยแล้งปี 57 โดยปีนี้คาดความต้องการใช้น้ำภาคตะวันออกอยู่ที่ 310 ล้านลบ.ม. โตขึ้น 8% และปีหน้าแตะ 320 ล้านลบ.ม. โดยบริษัทฯมีแผนขยับราคาน้ำดิบเพิ่มอีก 50 สต./ลบ.ม.

แหล่งข่าวจากบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน)(อีสท์วอเตอร์ )เปิดเผยว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดระยองอ่างเก็บน้ำหลัก 3 แห่งทั้งอ่างเก็บน้ำดอกกราย หนองปลาไหล และคลองใหญ่มีปริมาณรวม 155 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 56% ของความจุอ่าง ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เตรียมพร้อมสำรองน้ำเพื่อใช้ในปีหน้า ขณะที่ปีนี้ปริมาณน้ำดังกล่าวเพียงพอใช้

ดังนั้นบริษัทฯจึงมีแผนที่จะสำรองน้ำเพื่อให้เพียงพอใช้ในปีหน้าหากพบว่าฝนตกน้ำกว่าที่ควรเป็น โดยถ้าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่งต่ำกว่า 160 ล้านลบ.ม. ก็จะผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มาสำรองไว้ที่อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ซึ่งบริษัทฯได้มีการหารือร่วมกับกรมชลประทานและชาวบ้านในพื้นที่แล้วคาดว่าจะเริ่มสูบผันน้ำในปลายเดือนพ.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายที่อ่างเก็บน้ำทั้ง 3แห่งในระยองจะต้องมีปริมาณน้ำสำรองในปลายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 240 ล้านลบ.ม.ใกล้เคียงปี 2555 ที่มีปริมาณน้ำสำองไว้ 270 ล้านลบ.ม.

ส่วนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พบว่าปริมาณน้ำที่อ่างเก็บน้ำบางพระอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ แต่ปริมาณน้ำที่อ่างเก็บน้ำหนองค้อพบว่ามีปริมาณที่น้อยแค่ 23%ของความจุอ่าง จึงมีแผนที่จะผันสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมาใช้ในพื้นที่ชลบุรีช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ เพื่อลดการใช้น้ำในอ่างเก็บน้ำหนองค้อ

สำหรับพื้นที่ฉะเชิงเทรานั้น พบว่าขณะนี้ประสบปัญหาภัยแล้งอยู่ เนื่องจากปริมาณน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำน้อยเพียง 20%ของความจุ ทำให้การปล่อยน้ำสู่แหล่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิตก็น้อยไปด้วย ดังนั้นบริษัทฯได้มีการส่งน้ำจากสระเก็บน้ำของอีสท์วอเตอร์มาป้อนยังพื้นที่ฉะเชิงเทรามาตั้งแต่ช่วงเม.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าปริมาณน้ำจากสระเก็บน้ำของบริษัทฯจะหมดกลางเดือนก.ค.นี้ หลังจากนั้นก็จะผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกังเข้ามาเสริม ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวน้ำในแม่น้ำบางปะกงจะเปลี่ยนเป็นนน้ำจืดแล้ว

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ปีนี้ความต้องการใช้น้ำดิบในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรีอยู่ที่310 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% แต่ปีหน้าอัตราขยายตัวของความต้องการใช้น้ำในพื้นที่นี้จะชะลอตัวลงเล็กน้อยเหลือเพียง 320 ล้านลบ.ม. เนื่องจากมีแหล่งน้ำประปาของการประปาฯ เข้ามาเสริมในพื้นที่ดังกล่าว

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานของบริษัทฯไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทฯมีแผนจะปรับขึ้นอัตราค่าน้ำดิบในพื้นที่จากเดิม 10.50 บาท/ลบ.ม.เป็น 11 บาท/ลบ.ม.
กำลังโหลดความคิดเห็น