“พาณิชย์” ห่วงบาทแข็งขายข้าวยาก แถมมีโอกาสส่งเงินคืนคลังพลาดเป้า

“พาณิชย์” เป็นห่วงบาทแข็งทำให้การขายข้าวในสต๊อกลำบากขึ้น และคืนเงินคลังอาจพลาดเป้าได้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า กระทรวงพาณิชย์มีความกังวลว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาหลุดระดับที่ 29 บาท/เหรียญสหรัฐ จากช่วงก่อนหน้านี้ที่กว่า 30 บาท/เหรียญสหรัฐ จะทำให้การระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลทำได้ยากขึ้น เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ราคาข้าวไทยยิ่งสูงขึ้นไปอีกเมื่อเทียบกับราคาข้าวของประเทศคู่แข่งสำคัญ ทั้งเวียดนาม และอินเดีย ผู้ซื้อก็จะหันไปซื้อจาก 2 ประเทศนี้แทน และยังจะกระทบกับการคืนเงินจากการขายข้าวในสต๊อกให้กับกระทรวงการคลังที่จะไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เพราะเงินเหรียญที่นำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้น้อยลง

ทั้งนี้ คาดว่าจะกระทบกับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) สัญญาใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลอีกหลายประเทศในขณะนี้ด้วย ทั้งเกาหลีใต้ ไนจีเรีย และอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกา ส่วนสัญญาเก่า 7.3 ล้านตันที่ทำไว้ตั้งแต่ปีก่อน ก็คงไปเจรจาเพื่อขอขึ้นราคาขายกับประเทศผู้นำเข้าไม่ได้แล้ว

“แม้ไทยจะสามารถเจรจาขายข้าวจีทูจี และทำสัญญาใหม่ๆ ได้ แต่เมื่อคิดมูลค่าที่ขายได้จากเงินเหรียญสหรัฐมาเป็นเงินบาท น่าจะทำให้รายได้ลดลงไปมาก และหากค่าเงินยังแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 28-29 บาท/เหรียญสหรัฐต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน ก็น่าจะทำให้เงินจากการขายของรัฐในปีนี้ไม่ถึง 180,000 ล้านบาทตามเป้าหมายอย่างแน่นอน”

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนการคืนเงินจากการขายข้าวในสต๊อกรัฐที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวปี 2554/55 ดังนี้ ไตรมาส 4 ปี 2555 ถึงเดือน ก.พ. 2556 มีเงินจากการระบายข้าวสะสมคืนให้คลัง 61,888 ล้านบาท ส่วนเดือน มี.ค.-ก.ย. 2556 จะมีเงินคืนทั้งสิ้น 149,083 ล้านบาท แบ่งเป็น เดือน มี.ค. 14,113 ล้านบาท เดือน เม.ย. 12,623 ล้านบาท เดือน พ.ค. 13,460 ล้านบาท เดือน มิ.ย. 13,061 ล้านบาท เดือนก.ค. 11,610 ล้านบาท เดือน ส.ค. 10,901 ล้านบาท และเดือน ก.ย. 11,427 ล้านบาท