นครพนม - สภานิติบัญญัติ 4 ประเทศในอนุภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ไทย-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา สัมมนาพัฒนาความร่วมมือด้านนิติบัญญัติ ฝ่ายประธานรัฐสภาฯ ไทย มุ่งแก้กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศ หลังเวียดนามยังปิดกั้นไม่ให้รถบรรทุกไทยเข้าประเทศ
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่โรงแรมนครพนมริเวอร์วิว อ.เมือง จ.นครพนม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดการสัมมนา การพัฒนาความร่วมมือระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติในอนุภาคลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ไทย-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นสมาชิกรัฐสภาจาก 4 ประเทศ ฝ่ายไทยนำโดย ส.ส.ไพจิต ศรีวรขาน สมาชิกรัฐสภาลาวนำโดย ดร.สมพู ดวงสะหวัน ประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-ลาว ส่วนสมาชิกรัฐสภาเวียดนามนำโดย นางเหงี่ยน ประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาเวียดนาม-ไทย ในขณะที่สมาชิกรัฐสภากัมภูชาไม่สามารถมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ได้
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ประเด็นหลักสำคัญการสัมมนาครั้งนี้ มี 2 เรื่องคือ ขยายความร่วมมือระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติของไทย-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา และร่วมกันหาแนวทางพัฒนาความร่วมมือ และแก้ไขปัญหาอุปสรรคในด้านคมนาคมขนส่ง แรงงาน และบทบาทสตรี-การเมือง โดยเฉพาะปัญหาอุปสรรคการคมนาคมขนส่งสินค้า ตลอดจนการท่องเที่ยวให้มีความคล่องตัวขึ้น
สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการคือ “ด่านวันสตอปเซอร์วิส 4 ประเทศ” คือ ตรวจสินค้าเสร็จในด่านเดียวจุดเดียว และขยายเวลาเปิดด่านตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้รถสินค้าไทย และรถนำเที่ยวสามารถวิ่งได้ใน สปป.ลาวเท่านั้น ส่วนประเทศเวียดนามรถยนต์จากไทยยังวิ่งเข้าไม่ได้ ปัจจุบัน ต้องเปลี่ยนสินค้าจากรถไทยใส่รถลาว หรือรถเวียดนามถึงจะวิ่งเข้าไปส่งสินค้าในเวียดนามได้
นายสมศักดิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การสัมมนาฝ่ายนิติบัญญัติ 4 ประเทศ ไทย-ลาว-เวียดนาม-กัมพูชา ครั้งนี้ เป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก เพื่อจะแก้ไขกฎหมายกฎระเบียบที่มีปัญหา อุปสรรคระหว่างประเทศก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 โดยฝ่ายนิติบัญญัติ หรือ ส.ส.แต่ละประเทศเป็นตัวจักรสำคัญที่จะรวมปัญหาอุปสรรคทั้งหมดเข้าไปนำเสนอในสภาของแต่ละประเทศ ก่อนที่รัฐบาลแต่ละประเทศจะได้ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้สมดุล ลดช่องว่างปัญหาการค้าระหว่างประเทศได้อย่างสมบูรณ์