“นิด้า” เผยผลสำรวจ ปชช. มองทองคำเป็นสินทรัพย์มั่นคง น่าลงทุนระยะยาว และมีความปลอดภัย แถมมีมูลค่าอยู่ในตัว สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คนไทยคิดอย่างไรกับราคาทองคำ” ระหว่างวันที่ 23-24 เมษายน 2556 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 1,250 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ เกี่ยวกับราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและพฤติกรรมการซื้อทองคำของประชาชน พบว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (ช่วงก่อนราคาทองตกต่ำต้นปี 2555-ก่อนสงกรานต์ ปี 2556) ประชาชนร้อยละ 72.88 ระบุว่าไม่ได้ซื้อทองคำเก็บไว้ มีเพียง ร้อยละ 27.12 ที่ซื้อเก็บไว้
สำหรับในช่วงที่ราคาทองคำตกในขณะนี้ (ช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา) ประชาชนร้อยละ 88.00 ระบุว่า ไม่ได้ซื้อทองคำเก็บไว้ มีเพียงร้อยละ 12.00 ที่ซื้อเก็บไว้ โดยในจำนวนของผู้ที่ซื้อทองคำในช่วงนี้ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.01 มีเหตุผลที่ซื้อทองคำในช่วงนี้ เพราะราคาถูก เกรงว่าราคาอาจจะกลับมาสูงขึ้นอีก รองลงมาร้อยละ 44.37 ซื้อเก็บไว้สวมใส่เป็นเครื่องประดับ ร้อยละ 18.54 ต้องการซื้อเก็บไว้เก็งกำไร และร้อยละ 1.99 ซื้อเป็นของขวัญให้แก่บุตรหลานในช่วงเทศกาลสำคัญ
ทั้งนี้ เมื่อถามผู้ที่ไม่ได้ซื้อทองคำเก็บไว้ในช่วงนี้ว่ามีแผนที่จะซื้อทองคำหรือไม่นั้น พบว่า ร้อยละ 52.24 ยังไม่มีแผนที่จะซื้อทองเก็บไว้ รองลงมาร้อยละ 32.16 มีแผนที่จะซื้อ และร้อยละ 3.68 ยังไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 65.28 เห็นว่า ทองคำยังคงเป็นทรัพย์สินที่ควรสะสมไว้เก็งกำไร เพราะทองคำมีมูลค่าอยู่ในตัวสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ในระยะยาวราคามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ร้อยละ 19.04 เป็นทรัพย์สินที่ไม่ควรสะสมไว้เก็งกำไร เพราะราคาไม่แน่นอน มีความเสี่ยง และกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ควรซื้อที่ดิน หรือถือเงินสดไว้น่าจะดีกว่า เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวโน้มของราคาทองคำในอนาคต พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.96 ระบุว่า ราคาทองคำน่าจะเพิ่มขึ้น รองลงมาร้อยละ 18.48 ระบุว่าน่าจะลดลง ร้อยละ 6.48 ระบุว่าน่าจะเท่าเดิมหรือทรงตัว และร้อยละ 16.08 ไม่แน่ใจ
ผช.ดร.ยุทธนา เศรษฐปราโมทย์ อาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า กล่าวว่าจากผลสำรวจพบว่าจะมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ลงทุนซื้อทองเก็บไว้ ทั้งแบบระยะสั้น และระยะยาว โดยระยะสั้นจะซื้อเป็นทรัพย์สินถือติดตัวเก็บไว้ ส่วนระยาวซื้อเพื่อเก็งกำไร ซึ่งถือว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่สนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งสอดรับกับความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังเชื่อมั่นว่า ราคาทองคำในอนาคตน่าจะปรับตัวสูงขึ้นและยังเป็นทรัพย์สินที่น่าลงทุน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเฟื่องฟูของทองคำที่มีปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจของฝั่งยุโรป หรือเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เกิดหนี้สาธารณะ ผลจากนโยบายทางการเงินของสหรัฐด้วย และภาวะตลาดหุ้นในสหรัฐที่มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงหันมาสนใจลงทุนทองคำกันมากขึ้น
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ทองคำมีราคาต่ำลง ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น มีการยกเลิกนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ นักลงทุนหันมาซื้อหุ้นและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับระยะยาวมีโอกาสเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาทองคำก็อาจจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในระยะยาวและปลอดภัยจากภาวะเงินเฟ้อ ส่วนคนที่ลงทุนระยะสั้นอาจจะต้องใช้ระยะเวลารอดูอีกสักประมาณ 1-2 ปี ผู้ที่ถือทองก็ยังเสี่ยงอยู่และต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน