xs
xsm
sm
md
lg

“ร้านทองเยาวราช” ยังคึกคัก ปรับเงื่อนไขใหม่จ่ายสดเท่านั้น สคบ.เตรียมคุมเข้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
เผยบรรยากาศ “ร้านทองเยาวราช” ยังคึกคัก ปชช.แห่ชอปของถูก หลังราคาทองร่วงลงอีก 350 บาท รูปพรรณขายออก 19,000 บาท ปรับเงื่อนไขใหม่ คนซื้อต้องจ่ายเงินสดเท่านั้น ขณะที่ สคบ.ออกโรงเตือนผู้บริโภคต้องดูให้รอบคอบ น้ำหนักต้องเป๊ะ พร้อมคุมเข้มร้านทองต้องแจ้งฉลากให้ชัดเจน

รายงานข่าวบรรยากาศร้านทองในย่านถนนเยาวราช เช้าวันนี้ (18 เม.ย.) ยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีประชาชนทยอยซื้อทองคำเป็นจำนวนมาก หลังราคาในช่วงเช้าวันนี้ ปรับลดลงอีก 350 บาท โดยทองคำรูปพรรณขายออกอยู่ที่บาทละ 19,000 บาท และทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 18,600 บาท อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนผู้ที่ซื้อทองคำแท่งจะต้องรอบัตรคิว รวมไปถึงจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น ทั้งนี้ ร้านทองหลายร้านมีประชาชนมารอซื้อแน่นขนัด โดยต้องมีการต่อคิวเป็นแถวยาวออกมาด้านนอกร้าน

ขณะที่พนักงานร้านทองฮั่วเซ่งเฮงยอมรับว่า ประชาชนยังสนใจเข้ามาซื้อทองเป็นจำนวนมากจนต้องใช้ระบบการแจกบัตรคิว ซึ่งเมื่อวานนี้ทางร้านได้แจกบัตรคิวให้แก่ผู้ที่ซื้อทองคำแท่งไปแล้วกว่า 500 คิว โดยลูกค้าที่ซื้อทองคำแท่งในช่วง 1-2 วันนี้จะสามารถรับสินค้าได้ในวันที่ 24 เม.ย.นี้

ด้านประชาชนที่เดินทางมาซื้อทองคำยอมรับว่า ได้ติดตามข่าวราคาทองคำช่วงก่อนหน้านี้ และทราบว่าราคาจะลดลงจึงเตรียมตัวมาซื้อในวันนี้ โดยจุดประสงค์ที่ซื้อก็เพื่อการเก็บออม ส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยซื้อทองที่มีราคาสูงกว่าในวันนี้ก็ถือว่าเป็นการถัวเฉลี่ยกันไป

นางมาลินี วรรัตนวัชร ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาเยาวราช กล่าวว่า วันนี้มีประชาชนเดินทางมากดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของสาขาเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะกดเต็มวงเงินกดได้ในแต่ละวันคือครั้ง 2 หมื่นบาท รวมไม่เกิน 5 หมื่นบาทเพื่อนำไปซื้อทองคำ จนทำให้ระบบตู้เอทีเอ็มล่มในบางช่วงเวลา

อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้จัดพนักงานด้านหน้าเคาน์เตอร์ให้มาทำงานตั้งแต่เวลา 07.30 น. เพื่อรองรับประชาชนที่อาจจะมาถอนเงินจำนวนมากเพื่อนำไปซื้อทองคำแท่ง แต่ก็นับว่าผิดคาดเพราะนักลงทุนที่มาถอนเงินมีจำนวนไม่มากเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านนายจิระชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างมากในระยะนี้ส่งผลให้ประชาชนแห่ไปซื้อทองคำกันเป็นจำนวนมาก ทั้งทองคำแท่งและทองรูปพรรณนั้น สคบ.ฝากเตือนไปยังผู้บริโภคว่าต้องมีความรอบคอบในการซื้อด้วย โดยเฉพาะเมื่อตัดสินใจซื้อแล้วต้องให้ร้านชั่งน้ำหนักให้เห็นชัดเจน ซึ่งทองคำ 1 บาท ต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 15.16 กรัม

“สังเกตว่าต้องมีทศนิยม 2 ตำแหน่ง และไม่ว่าน้ำหนักจะอยู่ที่ 15.17 กรัม 15.18 กรัม 15.19 กรัม และ 15.20 กรัม ถือเป็นทอง 1 บาททั้งหมด ที่สำคัญตราชั่งที่ใช้นั้น ต้องมีความเสถียรที่ 0.00 หน่วย ให้สังเกตด้วยว่าทองคำที่ซื้อนั้นต้องมีตราประทับของโรงงาน ซึ่งโรงงานที่ผลิตทองคำในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 64 แห่ง ในกรุงเทพฯ 61 แห่ง จ.ตรัง 1 แห่ง จ.สงขลา 1 แห่ง และ จ.ขอนแก่น 1 แห่ง”

พร้อมระบุว่า โรงงานทำทองทั้ง 64 แห่งนี้ สคบ.ได้เข้าไปตรวจสอบและให้การรับรองมาตรฐานของทองคำที่ผลิตว่ามีสัดส่วนทองคำที่ 96.5% ทั้งหมด

ทั้งนี้ ก่อนจะซื้อทองคำประชาชนควรสังเกตด้วยว่า ร้านทองนั้นได้ติดสลากสินค้าถูกต้องและชัดเจน ซึ่งมี 5 อย่าง คือ 1. มีการแสดงราคาขายทองแท่งและทองรูปพรรณของแต่ละวันชัดเจน มีการแสดงราคารับซื้อคืน และมีการแสดงค่ากำเหน็จ ซึ่งค่ากำเหน็จอาจจะไม่ได้ติดที่หน้าร้าน แต่ติดอยู่ในถาด 2. มีป้ายบอกประเภทสินค้าชัดเจนว่าเป็นสร้อย แหวน กำไล 3. มีการระบุชัดเจนว่ามีเปอร์เซ็นต์ทองเท่าไร เช่น 96.5% หรือ 99.99% 4. ที่เนื้อทองคำทุกชิ้นจะต้องมีโลโก้ของโรงงานผู้ผลิต 5. ต้องระบุน้ำหนักของทองแต่ละชิ้นให้ชัดเจน

นายจิระชัยกล่าวด้วยว่า หากพบเห็นร้านทองใดไม่แสดงฉลากตามที่กำหนดให้ครบทุกอย่างข้างต้น ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน สคบ. โทร.1166 ซึ่งร้านทองดังกล่าวจะมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท โดย สคบ.จะดำเนินการอย่างจริงจังและไม่มีการเตือนเช่นที่ผ่านมา เพราะได้ให้เวลามานานแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการคาดการณ์กันว่าราคาทองคำจะปรับลดลงอีกและอาจลงไปลึกถึงบาทละ 17,500 บาท ดังนั้น สำหรับบุคคลที่ต้องการซื้อทองในช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสม ส่วนบุคคลที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุน ควรเลือกซื้อตามความเหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น