ตรัง - ชาว จ.ตรัง เซ็งร้านทอง 50 แห่ง พร้อมใจปิดฉลองสงกรานต์ยาวไปถึง 22 เม.ย. ทำให้อดซื้อทองไปเก็บเก็งกำไร ขณะที่ประธานชมรมร้านทอง จ.ตรัง แจงไม่ได้ปิดหนี แต่เป็นมติที่ประชุมใหญ่มาหลายเดือนแล้ว
วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการปรับตัวลงอย่างหนักของราคาทองคำแท่งในตลาดโลก ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนจำนวนมากใน จ.ตรัง ต่างรอที่จะไปซื้อทองคำที่ร้านทองจำนวนมาก เพื่อหวังที่จะเก็งกำไร แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะร้านจำหน่ายทองใน จ.ตรัง ที่มีอยู่ 50 ร้าน ได้พร้อมใจกันปิดร้านตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. และขึ้นป้ายเปิดให้บริการในวันที่ 22 เม.ย.56 จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า สาเหตุที่ร้านทองนัดปิดให้บริการพร้อมกันเพราะต้องการหนีประชาชนที่แห่มาซื้อทองเพื่อเก็งกำไรในช่วงที่ทองราคาลง
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยัง นายวรพงษ์ เลาหะสราญ เจ้าของร้านทองวรสุนทร และประธานชมรมร้านทอง จ.ตรัง กล่าวชี้แจงว่า ในเดือน ธ.ค.ของทุกปี ทางชมรมร้านทองจะทำหนังสือเวียนไปยังสมาชิกให้เข้าร่วมประชุมใหญ่ เพื่อพบปะสังสรรค์ และร่วมพูดคุยปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนจะลงมติหาวันหยุดที่เหมาะสมให้ตรงกัน ซึ่งในแต่ละปี ร้านทองจะมีวันหยุดเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลตรุษจีน และเทศกาลสงกรานต์ เท่านั้น เพื่อให้สมาชิกได้พาครอบครัวเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ
ดังนั้น ไม่ว่าทองจะมีราคาขึ้นหรือลง ร้านทองก็ต้องเปิดให้บริการพร้อมกัน แต่ในเมื่อเป็นมติที่ประชุมของชมรมร้านทอง จ.ตรัง ทุกๆ แห่งก็ต้องปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างจะเปิดหรือปิดกันได้ตามอำเภอใจ และไม่เกี่ยวกับการที่ปิดร้านเพราะทองมีราคาลง เนื่องจากไม่ว่าจะปิดหรือเปิด ร้านทองต่างๆ ก็ไม่ได้กำไรมากนัก แต่น่าจะเป็นเหตุบังเอิญที่ประจวบเหมาะพอดีกับช่วงที่ร้านทองหยุดยาวมากกว่า
นอกจากนี้ ประธานชมรมร้านทอง จ.ตรัง ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า หลังจากนี้สถานการณ์ราคาทองจะยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะความผันผวนของตลาดโลก ดังนั้น จึงฝากเตือนไปยังผู้ที่คิดจะลงทุนในธุรกิจค้าทองคำเพื่อเก็งกำไร ให้ระมัดระวัง และศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะมีความเสี่ยงสูง ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงที่ทองราคาร่วงไปอยู่ที่บาทละ 26,000 บาท ก็มีผู้ค้าทองจำนวนมากแห่กันมาซื้อทองเพื่อหวังเก็บไว้เก็งกำไร จนร้านทองไม่มีทองจะขายให้ และต้องแจกใบจองล่วงหน้า แต่เมื่อนำทองมาขายอีกครั้งกลับต้องพบกับภาวะขาดทุนอย่างย่อยยับ อีกทั้งตลาดทองคำใน จ.ตรัง ก็เปลี่ยนแปลงมากไม่เหมือนในอดีต
