xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนจี้รัฐไล่จับ หลังพบพ่อค้าหัวใสเตรียมขนของปลอมขายรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอกชนจี้รัฐไล่จับของเถื่อนช่วงไฮซีซั่น หลังพบพ่อค้าแม่ค้าเตรียมฉวยโอกาสท่องเที่ยวบูม ขนสินค้าปลอมออกขาย แนะเน้นจับกุมพื้นที่สีแดงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เตือนพ่อค้า แม่ค้า อย่าหลงกลมิจฉาชีพอ้างเป็นคนของรัฐหรือทีมงานรัฐมนตรีตบทรัพย์แลกไม่จับกุม จะเสียเงินฟรีๆ เตรียมให้ความรู้ร้านโอเกะ เกมส์ ร้านอาหาร โรงแรม ป้องกันถูกแก๊งนักบินตบทรัพย์

น.ส.มาลา ตั้งประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการป้องกันป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคเอกชน) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนขอเรียกร้องให้เครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมศุลกากร, กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันบูรณาการการทำงานปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) หลังจากที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก และเป็นโอกาสที่ผู้ค้าของปลอมจะใช้โอกาสนี้ในการระบายสินค้า

ทั้งนี้ เอกชนขอให้เน้นการจับกุมและตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าละเมิดตามพื้นที่ที่ได้มีการแบ่งเอาไว้ คือ พื้นที่สีแดง ในกรุงเทพฯ เช่น ตลาดคลองถม สะพานเหล็ก บ้านหม้อ พัฒน์พงศ์ ถนนสีลม มาบุญคลอง ถนนสุขุมวิทระหว่างซอย 3-19 พันธ์ทิพย์พลาซ่า พื้นที่สีเหลือง เช่น น้อมจิต ลาดพร้าว พาต้าปิ่นเกล้า ฟอร์จูน ตลาดใหม่ดอนเมือง ตะวันนา ประตูน้ำ เจ๊เล้ง ถนนข้าวสารและสะพานพุทธ

ส่วนต่างจังหวัด พื้นที่สีแดง ได้แก่ ไนท์พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่, ป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน จังหวัดภูเก็ต, เกาะสมุย จังหวัดสุราษร์ธานี, พัทยา จังหวัดชลบุรี ส่วนพื้นที่สีเหลือง ได้แก่ เซียร์รังสิต จังหวัดปทุมธานี, ไนท์พลาซ่า จังหวัดนครราชสีมา, ตลาดกำนันหลัก จังหวัดราชบุรี

“ต้องการให้ภาครัฐดำเนินการจับกุมอย่างจริงจัง เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยมีการดำเนินการกับผู้ที่ค้าขายของละเมิดอย่างเต็มที่ และยังเป็นการส่งสัญญาณถึงสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่จะมีการประชุมพิจารณาว่าจะจัดให้ไทยอยู่ในบัญชีใดทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาราวๆ วันที่ 26 เม.ย.นี้ ซึ่งเดิมไทยถูกจัดให้อยู่บัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) แต่เอกชนเห็นว่า ผลการทำงานที่เข้มข้นของภาครัฐและเอกชน น่าจะทำให้ไทยหลุดมาอยู่บัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) ได้”

น.ส.มาลากล่าวว่า ขณะนี้ได้มีผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และแอบอ้างว่าเป็นคณะทำงานของรัฐมนตรี ไปเรียกรับเงินและทรัพย์สินกับผู้ค้าสินค้าละเมิด เพื่อแลกกับการคุ้มครองและให้ยังคงสามารถจำหน่ายสินค้าละเมิดได้ ซึ่งเอกชนยืนยันว่าไม่มี และขออย่าให้หลงเชื่อ เพราะจะเสียเงิน เสียทรัพย์สินไปฟรีๆ รวมทั้งยังคงถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมในข้อหาขายสินค้าละเมิด

โดยผู้ที่ถูกเรียกรับเงิน สามารถตรวจสอบหรือนำรายชื่อที่มีผู้แอบอ้าง ไปตรวจสอบที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ที่เบอร์ 02-547-4621-25 และสายด่วน 1368 เพื่อช่วยกันกำจัดแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ให้หมดไป

น.ส.มาลากล่าวอีกว่า ในปีนี้ ภาคเอกชนมีแผนที่จะร่วมมือกับภาครัฐ เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด เพื่อจัดโครงการอบรมให้ความรู้และข้อมูลกับผู้ประกอบการตู้คาราโอเกะ ร้านคาราโอเกะ ร้านเกมส์ ร้านอินเทอร์เน็ต สวนอาหาร ภัตตาคาร และโรงแรม ซึ่งเป็นผู้ใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นในเชิงพาณิชย์หรือทางการค้า จะได้ไม่ละเมิดงานทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเพลงบางเพลงที่แก๊งมิจฉาชีพมักจะแอบอ้างนำไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจับกุม และเรียกรับผลประโยชน์ในการยอมความ

“เราได้รับการร้องเรียนเรื่องเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเรามีวิธีและกลยุทธ์ในการต่อสู้คดี หากจังหวัดใดหรือสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดใดที่มีความต้องการจะจัดโครงการนี้ เรามีความยินดีที่จะร่วมสนับสนุนการจัด รวมถึงการส่งวิทยากรไปให้ความรู้”

สำหรับ ปปท.ภาคเอกชน ประกอบด้วยเจ้าของสิทธิกลุ่มลิขสิทธิ์ ได้แก่ เพลง ภาพยนตร์ เกมส์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เจ้าของสิทธิกลุ่มเครื่องหมายการค้า ได้แก่ นาฬิกา เสื้อผ้า เครื่องหนัง และเจ้าของสิทธิกลุ่มสิทธิบัตร รวมถึงตัวแทนซึ่งดูแลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาของทั้งในประเทศและต่างประเทศและพันธมิตร
กำลังโหลดความคิดเห็น